วันนี้ (27 กันยายน) โครงการชลประทานนครราชสีมา รายงานสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกร พบว่า อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรตอนล่างระดับน้ำเริ่มลดลง โดยในช่วงเช้าระดับน้ำในอ่างฯ ลดลง 30 เซนติเมตร (เริ่มลดลงเวลา 01.00 น.) และเหลือถึงระดับสันทำนบดินอ่างฯ 60 เซนติเมตร นั่นหมายถึงปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างฯ ประมาณ 400-500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที น้อยกว่าปริมาณน้ำที่ไหลออกจากทุกช่องทาง
จากสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้ยังไม่ต้องตัดคันทำนบดินอ่างฯ จุดอื่นเพื่อเพิ่มการระบายน้ำอีก เมื่อระดับน้ำในอ่างฯ ทรงตัวและลดลง ทำให้ไม่เกิดน้ำล้นข้ามทำนบดินสันของอ่างฯ ในลักษณะพังทลาย ณ เวลานี้สามารถบริหารน้ำออกจากอ่างฯ ให้มากกว่าหรือเท่ากับน้ำเข้าอ่างฯ รักษาความปลอดภัยเขื่อนและอ่างเก็บน้ำ พ้นวิกฤต และบรรเทาความเสียหายด้านท้ายน้ำ แต่ยังต้องเฝ้าระวังปริมาณน้ำที่ยังคงไหลลงมาจากตอนบน ห้วยสามบาท ที่ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องต่อไป
ด้าน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์ที่ลำเชียงไกร จังหวัดนครราชสีมา เมื่อเวลา 21.00 น. ของวานนี้ (26 กันยายน) อ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรไม่ได้แตก จุดที่เกิดปัญหาคือจุดที่มีไซด์งานก่อสร้าง อาคาร และทางระบายน้ำ โดยผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้างไปได้แล้วร้อยละ 70
แต่ขณะก่อสร้างมีฝนตกหนัก และน้ำจากตัวอ่างลำเชียงไกรมีปริมาณน้ำเกินความจุอ่าง ทำให้น้ำล้นสปินเวย์มาสมทบกับตรงจุดก่อสร้าง ประกอบกับช่วงก่อสร้างใช้ทำนบดินกั้นขวางทางน้ำ เมื่อน้ำมากจึงกัดเซาะทำนบดินไซด์ก่อสร้างชำรุด น้ำจึงไหลลงตรงที่ก่อสร้างทางระบายน้ำ ซึ่งทำให้ดูเหมือนตัวอ่างชำรุด จริงๆ แล้วไม่ใช่
ดร.ทวีศักดิ์ กล่าวยืนยันว่าตัวอ่างและสันอ่างเก็บน้ำลำเชียงไกรมั่นคงแข็งแรง แต่ด้วยปริมาณน้ำที่มากเกินความจุอ่างจึงทำให้น้ำล้น ขณะนี้ทางจังหวัดนครราชสีมาได้ออกประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ท้ายอ่างให้ระมัดระวังน้ำมากที่ล้นอ่างและอาจท่วมได้แล้ว