ไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN แถลงผลการดำเนินการปี 2561 โดยภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัยขยายตัวได้จากปี 2560 ราว 4-4.3% ตัวเลขการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐโดยเฉพาะด้านคมนาคมที่ขยายเส้นทางรองรับการขยายตัวของเมืองทำให้เกิดทำเลใหม่ๆ ของโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น
ผู้บริหารของ LALIN มองว่าปี 2562 จะเป็นปีวัดฝีมือของผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง ตลาดโดยรวมยังเติบโตได้ในอัตราที่ชะลอลง มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการที่อาจกระทบกับธุรกิจ ทั้งการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงจากสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ความเสี่ยงจากการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ที่สำคัญคือความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการควบคุมเงินกู้ซื้อบ้านหรือ LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย
จากนี้บริษัทจะเน้นทำตลาดในกลุ่มที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่แท้จริง (Real Demand) ลูกค้าส่วนใหญ่ของ LALIN เป็นลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก คาดว่าบริษัทจะได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวไม่มาก จากนี้จะรุกตลาดทาวน์โฮม บ้านแนวคิดใหม่ และบ้านเดี่ยวมากขึ้น มีแผนขยายโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4-4.5 พันล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายที่ 5.3 พันล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4.65 พันล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปี 2561 ส่วนงบประมาณการลงทุนตั้งเป้าซื้อที่ดินประมาณ 1 พันล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสด จากการดำเนินงาน และอีกส่วนจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งจะพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อไป ทาง LALIN ย้ำว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่มาก
สำนักข่าว THE STANDARD ตรวจสอบข้อมูลของ LALIN จากเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่าราคาหุ้นวันนี้ (8 ม.ค.) ปิดที่ 4.80 บาทต่อหุ้น ปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากราคาสูงสุดเมื่อเดือนกรกฎาคม 2561 ที่ราคาแตะ 6.40 บาทต่อหุ้น รายได้ไตรมาส 3/2561 กว่า 3 พันล้านบาท กำไรกว่า 575 ล้านบาท อัตราส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น (P/E) อยู่ที่ 5.78 เท่า และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอยู่ที่ 0.72 เท่า
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง:
- www.set.or.th
- บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ LALIN