สถานีโทรทัศน์ CNN รายงานว่า ผลผลิตของตลาดแรงงานสหรัฐฯ ปรับลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 3 ของปี โดยลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 40 ปี
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ตัวเลขดังกล่าวไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าวิตกแต่อย่างใด เพียงแต่สะท้อนให้เห็นความเป็นจริงของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่ผลผลิตแรงงานลดลงเกิดจากปัญหาติดขัดล่าช้าในระบบขนส่ง และซัพพลายห่วงโซ่การผลิต
ทั้งนี้ ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ผลผลิตในตลาดแรงงานสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 1.7% เท่านั้น ขณะที่ชั่วโมงการทำงานเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7%
ตัวเลขดังกล่าวยังมีขึ้น พร้อมกับรายงานการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวานนี้ (4 พฤศจิกายน) ระบุตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้น 11.2% สู่ระดับ 80,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยสูงกว่าสถิติเดิมที่ทำไว้ในเดือนมิถุนายนที่ระดับ 73,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ตัวเลขการขาดดุลครั้งนี้ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้าว่าสหรัฐฯ จะขาดดุลการค้าที่ 80,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การนำเข้าของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 0.6% สู่ระดับ 288,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การส่งออกดิ่งลง 3% สู่ระดับ 207,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ การขาดดุลการค้ากับจีนยังพุ่งขึ้น 15% สู่ระดับ 36,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะเดียวกัน แม้ว่ากระทรวงแรงงานสหรัฐฯ จะเปิดเผยว่าตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 269,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2020 ทั้งยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 275,000 ราย แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่หวังจะแก้ปัญหาในตลาดแรงงาน หนึ่งในปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญสำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างยั่งยืนในระยะยาว
สถานีโทรทัศน์ Fox Business รายงานว่า สิ่งที่ เจอโรม พาวเวลล์ ต้องการอย่างมากในขณะนี้ ก็คือการขยายตัวเติบโตของการจ้างงานเพื่อให้สอดคล้องกับตำแหน่งงานใหม่ที่เปิดรับสมัครอยู่ถึง 10.43 ล้านตำแหน่ง
พาวเวลล์ชี้ว่า เพื่อให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ มีความคืบหน้าตามที่ตั้งเป้าไว้ อย่างน้อยสหรัฐฯ จะต้องมีการจ้างงานเฉลี่ยเดือนละ 550,000-600,000 ตำแหน่ง โดยปัญหาของสหรัฐฯ ในเวลานี้ ไม่ใช่เรื่องขาดตำแหน่งงาน แต่เป็นการขาดแคลนแรงงาน
ข้อมูลจากบริษัทจัดหางาน ZipRecruiter พบว่า หลายบริษัทยังคงประสบปัญหากับการหาคนทำงาน โดยเฉพาะบริษัทขนาดใหญ่อย่าง Uber, Amazon, Walmart และ Target แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะเพิ่มค่าแรง เงินพิเศษ และสิทธิประโยชน์ต่างๆ มากมายเพื่อเพิ่มแรงจูงใจแล้วก็ตาม
พาวเวลล์กล่าวว่า ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ในวัยทำงานยังคงลังเลใจที่จะกลับเข้าสู่ตลาดแรงงาน เพราะยังวิตกกับปัญหาการระบาดของโรคโควิด ขณะที่สิ่งที่ Fed คาดหวังว่าตลาดงานจะกลับมาดีขึ้นหลังรัฐยกเลิกสวัสดิการว่างงาน และโรงเรียนกลับมาเปิดเรียนอีกครั้ง ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองลดภาระได้ส่วนหนึ่ง แต่สุดท้ายการจ้างงานก็ยังไม่ดีขึ้น ทำให้โจทย์ใหญ่ของ Fed ในเวลานี้ ไม่ใช่อยู่ที่การเฝ้าระวังเงินเฟ้อ แต่เป็นความพยายามในการเพิ่มอัตราการจ้างงานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้กำลังการบริโภคภายในประเทศของสหรัฐฯ มีความแข็งแกร่ง อันเป็นผลดีต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศต่อไป
อ้างอิง:
- https://edition.cnn.com/2021/11/04/economy/labor-productivity-third-quarter/index.html
- https://edition.cnn.com/2021/11/04/economy/trade-deficit/index.html
- https://www.foxbusiness.com/economy/jobs-report-october-hiring-labor-non-farm-fed-powell
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP