ความจริงมันควรเป็นช่วงเวลาที่น่ายินดี
ในเกมที่ทีมชาติฝรั่งเศสพบกับทีมชาติไอซ์แลนด์และสามารถเอาชนะได้ด้วยสกอร์ 2-1 หนึ่งในผู้ที่ทำประตูคือ คิเลียน เอ็มบัปเป ศูนย์หน้าและนักเตะหมายเลขหนึ่งของทีม
ประตูที่กองหน้าวัย 26 ปีทำได้ลูกนี้เป็นประตูที่ 52 ในนามทีม “เลส์ เบลอส์” จากการลงสนามรับใช้ชาติมาแล้ว 92 นัดทำให้ตัวของเขาแซงหน้าตำนานรุ่นพี่อย่าง เธียร์รี อองรี ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเหลืออีก 5 ประตูก็จะทาบสถิติเบอร์หนึ่งของโอลิวิเยร์ ชิรูด์ที่ทำไว้ 57 ประตู
แต่แทนที่จะได้ยินคำพูดด้วยความรู้สึกยินดี คำพูดของเอ็มบัปเปกลับทำให้หลายคนตกใจ เมื่อบอกว่า “ผมอยากให้ลูกของผมเกลียดฟุตบอล” ไปจนถึงการบอกว่าเขาคงไม่ยี่หระกับโลกลูกหนังใบนี้นานแล้วถ้าไม่ได้มีความรักและความหลงใหลค้ำหัวใจไว้
อะไรที่ทำให้เขาคิดและพูดออกมาแบบนั้นกันแน่?
อย่างแรกที่ต้องทำความเข้าใจคือเรื่องราวและคำพูดทั้งหมดของเอ็มบัปเป ไม่ได้เป็นการให้สัมภาษณ์หลังจบเกมแต่อย่างใด เพราะคำสัมภาษณ์เหล่านี้เป็นการให้สัมภาษณ์พิเศษในนิตยสารกีฬา “เลกิ๊ป” (L’Équipe) นิตยสารกีฬาชื่อดังของฝรั่งเศส
โดยเลกิ๊ป ซึ่งได้สวนกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกด้วยการใช้วาระครบรอบการก่อตั้ง 45 ปี เปลี่ยนจากนิตยสารรายสัปดาห์สู่การวางแผงเป็นรายวันแทนพร้อมรีแบรนด์โลโก้ใหม่เป็นตัว ‘É ได้เลือกเอ็มบัปเป้ ซึ่งเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์เบอร์หนึ่งของประเทศขึ้นปกต้อนรับโฉมใหม่เป็นคนแรก
พร้อมกับการเปิดเผยเรื่องราวมุมลึกและเบื้องหลังมากมายภายใต้หัวข้อ “Kylian Confidentiel” หรือ “แฟ้มลับคิเลียน”
ในช่วงหนึ่งของบทสัมภาษณ์เอ็มบัปเป ได้กล่าวว่า “ผมเชื่อในโชคชะตาของโลกฟุตบอล แต่ไม่ใช่ในแง่ของชีวิตนะ ชีวิตมันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ส่วนฟุตบอลมันก็เป็นของมันแบบนั้น”
“ผมอยากจะบอกว่าคนที่ได้เข้าในสนามฟุตบอลเพื่อเข้าไปชมเกมนั้นโชคดีแล้วที่ไปเพื่อแค่ชมการแข่งขันโดยไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเบื้องหลัง บอกตามตรงถ้าผมไม่ได้มีความรู้สึกที่แรงกล้ามากขนาดนี้ ผมคงขยะแขยงโลกฟุตบอลไปนานมากแล้ว”
“แต่มันก็เป็นโลกที่เราอาศัยอยู่ เราเปลี่ยนแปลงอะไรมันไม่ได้ ผมจะไม่มีวันแนะนำให้ลูกๆของผมได้มาข้องเกี่ยวกับโลกฟุตบอลแน่”
ในถ้อยคำของเอ็มบัปเป ได้ทำให้เกิดเครื่องหมายคำถามอย่างมากว่าเหตุใดนักฟุตบอลที่เป็นซูเปอร์สตาร์มาตลอดตั้งแต่อายุยังน้อยและมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ – ไม่ว่าจะเป็นการเดินตามรอยของ เธียร์รี อองรี อีกหนึ่งยอดนักเตะในดวงใจ (ในนิตยสารมีภาพของเอ็มบัปเปในชุดอาร์เซนอลแบบเต็มยศด้วย!) ซึ่งเขาทำได้สำเร็จ ไปจนถึงการย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ตามรอยของคริสเตียโน โรนัลโด อีกหนึ่งแรงบันดาลใจในชีวิตที่ก็ทำได้สำเร็จ – ถึงพูดแบบนี้?
ส่วนหนึ่งในบทสัมภาษณ์ เอ็มบัปเป เล่าถึงเรื่องราวความขัดแย้งกับปารีส แซงต์ แชร์แมง ที่มีกรณีต้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันเพื่อเรียกร้องเงินค่าเหนื่อยและเงินโบนัสที่สโมสรเก่ายังติดค้างเขาอยู่ถึง 55 ล้านยูโร
โดยเงินจำนวนนี้ทีมเปแอสเช อ้างว่าเอ็มบัปเป ตกลงที่จะขอไม่รับเงินก้อนดังกล่าวก่อนจะย้ายไปเรอัล มาดริด เมื่อหมดสัญญากับทีมรวมถึงยังอ้างว่าต้องเคลมเงินกลับมาถึง 98 ล้านยูโรด้วย
ดาวยิงที่อยู่ในถิ่นปาร์ค เดส์ แพรงซ์ มาตั้งแต่ปี 2017 ยืนยันว่าระหว่างตัวเขากับสโมสรไม่ได้มีความเกลียดแค้นเคืองโกรธกันแต่อย่างใด เพียงแต่เขาต้องการต่อสู้ในสิทธิ์ที่พึงได้รับเท่านั้น
และที่สำคัญเงินทองมันทำให้เขาละเหี่ยใจ
“ยิ่งมีเงินเข้ามาเกี่ยวมากขึ้นเท่าไร มันก็ยิ่งสร้างปัญหาให้มากขึ้นเท่านั้น” เอ็มบัปเปกล่าว “บางคนไม่ได้มองว่าชีวิตของคุณได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขายังจำภาพตอนที่คุณเป็นเด็กตอนที่เคยอยู่กับพวกเขา แต่คนเรามันไม่ได้เป็นคนเดิมอีกต่อไปแล้ว ทุกคนมีความรับผิดชอบ มีสิ่งที่ต้องทำ มีงานมีการ และมีคนที่ต้องคอยตอบคำถามพวกเขา…”
“มันเป็นสิทธิ์ของผม เป็นไปตามกฎหมายแรงงาน ผมเซ็นสัญญาเป็นลูกจ้าง ผมแค่อยากจะได้เงินที่ผมควรจะได้ ผมไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับเปแอสเช ผมรักสโมสรแห่งนี้ ผมมีเพื่อนที่นั่นเพียงแต่นี่เป็นทางเดียวที่ผมจะได้ในสิ่งที่ผมสมควรจะได้รับ สิ่งที่ผมได้มาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของผม”
แต่เรื่องเงินไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดสำหรับเอ็มบัปเป สิ่งที่ทำให้เขาบอกเป็นนัยว่าอาจจะทำให้ไม่ค่อยมีความสุขนักคือเรื่องของเสียงวิพากษ์วิจารณ์และความกดดัน
คนตัดสินทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้จักตัวตนจริงๆ สักนิด
“ผมพูดเสมอว่าไม่มีใครรู้จักผมเลย” เขาบอก “สิ่งที่พูดกันหลายเรื่องไกลจากความจริงมาก คนจำนวนมากที่ใช้เวลาในการทำงานทั้งชีวิตเพียงเพื่อรอให้เป็นที่จดจำ หรือคนที่รอใครสักคนที่จะรู้จักตัวตนจริง เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตอยู่กับมัน”
“การจะไปต่อสู้กับเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เสียพลังงานอย่างมากและไม่มีวันชนะด้วย นักกีฬาผู้ยิ่งใหญ่ของฝรั่งเศสในอดีตจำนวนมากพวกเขาต้องเจ็บปวดจากความคิดเห็นของสังคม”
เอ็มบัปเป ชี้ให้เห็นถึงปัญหาใหญ่ในเรื่องที่นักกีฬาถูกคาดหวังว่าจะไม่แสดงด้านที่อ่อนแอออกมาให้เห็น เหมือนกรณีของทาเด โปกาคาร์ ที่เปิดเผยเรื่องการอยู่ในภาวะซึมเศร้าในระหว่างการแข่งขันจักรยาน ตูร์ เดอ ฟรองซ์ แต่ต้องเก็บไว้ในช่วงการแข่งมาเปิดใจอีกทีได้ก็ตอนหลังจบการแข่งขันแล้ว
“เวลาชนะเราจะกลายเป็นคนที่ใครก็แตะต้องไม่ได้ แต่ถ้าเราบอกว่าเราเหนื่อย ทุกคนก็จะบอกว่ามันเป็นเพราะเล่นได้แย่ ต่อให้เรารู้ตัวก่อนนานแล้วก็ตาม”
อย่างไรก็ดี เอ็มบัปเปยืนยันว่าเขายังพอรับมือได้ แรงกดดันของแฟน ๆ นั้นไม่เท่ากับความคาดหวังที่เขามีต่อตัวเองอย่างแน่นอน
แต่ถึงอย่างนั้นจากถ้อยคำทั้งหมดแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกที่แฟนฟุตบอลจำนวนไม่น้อยจะเริ่มเป็นห่วงเอ็มบัปเปขึ้นมา
เพราะมันทำให้เราเริ่มตระหนักได้ว่าใต้หน้ากากของซูเปอร์สตาร์
เขาก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน
อ้างอิง
- https://www.theguardian.com/football/2025/sep/10/kylian-mbappe-says-football-world-would-disgust-him-without-passion-for-game
- https://x.com/lequipe/status/1965316315440111635/photo/1
- https://www.flashscore.com.au/news/real-madrid-star-kylian-mbappe-admits-mental-health-remains-taboo-in-elite-sports/jTJExxQF/
- https://www.mozzartsport.co.ke/football/news/mbappe-opens-up-about-money-zidane-and-stockholm-scandal/57542