เหรียญ ‘KUB-JFIN’ ควงคู่พุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ กูรูแนะดูพื้นฐานเหรียญก่อนเข้าลงทุน

ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีสัญชาติไทย 2 เหรียญปรับตัวขึ้นร้อนแรงในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยทั้ง 2 เหรียญนี้ล้วนซื้อขายอยู่ในแพลตฟอร์มของ บิทคับ ออนไลน์ ซึ่งทั้ง 2 เหรียญที่ว่านี้คือเหรียญ KUB หรือ Bitkub Coin และเหรียญ JFIN หรือ JFIN Coin

โดยเหรียญ KUB ปรับขึ้นร้อนแรงตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 27 พฤศจิกายน 2564 จากระดับราคา 114 บาท ไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 389 บาท ในช่วงเช้ามืดของวันนี้ (29 พฤศจิกายน) คิดเป็นการเพิ่มขึ้นประมาณ 240% ในเวลาแค่ 2 วัน

ขณะที่เหรียญ JFIN เริ่มปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2564 จากระดับราคา 15 บาท มาเคลื่อนไหวในระดับ 66 บาท ณ วันที่ 26 พฤศจิกายน 2564 และหลังจากนั้นก็มีแรงไล่ซื้อเข้ามาอีกชุดใหญ่ๆ จนดันให้ราคาเหรียญ JFIN ปรับขึ้นมาทำสุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 120 บาท ในช่วงเช้าของวันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 หรือเพิ่มขึ้นราว 81% ภายในเวลาแค่ 3 วัน และปรับขึ้นมาราว 700% นับจากช่วงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2564

แหล่งข่าวในวงการคริปโตเคอร์เรนซีกล่าวว่า ถ้าดูจากราคาทั้ง 2 เหรียญที่ถูกไล่ขึ้นมาจนทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใหม่นั้น บางเหรียญอาจจะพอมีเหตุผลที่ทำให้ราคาเหรียญปรับเพิ่มขึ้น แต่บางเหรียญมองไม่เห็นเหตุผลที่น่าจะทำให้ราคาปรับตัวขึ้นไปสูงขนาดนั้น

“อย่างเหรียญ KUB พอจะเข้าใจได้ว่า เขากำลังมีพาร์ตเนอร์ใหม่เข้ามาร่วมทำธุรกิจจำนวนมาก และยังมีบล็อกเชนของตัวเองที่นำเหรียญ KUB มาใช้ประโยชน์ได้ แต่กับอีกเหรียญคือ JFIN แม้จะมีข่าวความร่วมมือกับทางกลุ่มบีทีเอส ซึ่งก็อาจจะนำเหรียญ JFIN มาใช้ในระบบนิเวศของทางกลุ่มบีทีเอสได้ แต่จริงๆ แล้วกลุ่มบีทีเอสก็สามารถที่จะสร้างเหรียญของตัวเองขึ้นมาใช้งานในระบบนิเวศของตัวเองได้เช่นกัน และนอกจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว ยังไม่เห็นเหตุผลอื่น ซึ่งทำให้เหรียญ JFIN ปรับขึ้นมาร้อนแรงขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม คิดว่าผู้ลงทุนควรต้องระมัดระวังการลงทุนในทั้ง 2 เหรียญ เพราะราคาขึ้นมาค่อนข้างเร็ว”

ด้าน สัญชัย ปอปลี ผู้ร่วมก่อตั้ง Cryptomind Group Holding กล่าวว่า แรงซื้อที่เข้ามาในเหรียญ KUB น่าจะเป็นการซื้อบนความคาดหวังความร่วมมือในอนาคตกับทางกลุ่มธนาคารไทยพาณิชย์ (SCBX) ประกอบกับในช่วงนี้ จะเห็นว่า Bitkub เริ่มเข้าไปเป็นพันธมิตรกับหลายๆ บริษัท และยังมีบล็อกเชนของตัวเอง จึงคาดว่าความต้องการใช้เหรียญ KUB น่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

นอกจากนี้ในช่วงที่ผ่านมา Bitkub ยังได้เผาเหรียญ KUB ไปจำนวนหนึ่ง ทำให้ปริมาณเหรียญในระบบลดน้อยลง ดังนั้นเมื่อความต้องการเหรียญมีเพิ่มขึ้นแต่ซัพพลายในระบบลดลง จึงน่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ราคาเหรียญ KUB ปรับขึ้นร้อนแรงในช่วงนี้

อย่างไรก็ตาม อยากเตือนนักลงทุนที่กำลังจะเข้าลงทุนในเหรียญเหล่านี้ อยากให้ศึกษาพื้นฐานของตัวเหรียญให้ดีว่า เหรียญสามารถนำไปใช้งานอะไรได้บ้าง เพราะเท่าที่สังเกตนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในเหรียญเหล่านี้ ส่วนใหญ่ยังเป็นนักเก็งกำไรเป็นหลัก ขณะที่นักลงทุนที่เน้นพื้นฐาน หรือ Smart Investor ยังมีไม่มากนัก

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH