×

ภูเก็ตนำร่อง ต้นแบบเมือง Longevity ชูแนวคิดคนในอายุยืน สร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดนักท่องเที่ยวรักสุขภาพ จ่ายหนักทริปละ 70,000 บาท

15.10.2025
  • LOADING...
ktc-thailand-wellness-tourism-growth-leader

HIGHLIGHTS

  • Wellness Tourism โตเร็วกว่าการท่องเที่ยวทั่วไปเกือบ 2 เท่า นักท่องเที่ยวสายสุขภาพจ่ายเฉลี่ย 1,886 ดอลลาร์/ทริป สูงกว่าทั่วไป 56%  
  • ไทยครอง ‘อันดับ 1’ ด้านอัตราเติบโตของตลาด Wellness Tourism ปี 2022–2023 ในบรรดา 25 ตลาดชั้นนำ
  • KTC Insight เผยยอดใช้จ่ายโรงแรมสาย Wellness สูงกว่าโรงแรมทั่วไป 1.88 เท่า กลุ่มอายุ 30–35 ปีมีสัญญาณใช้จ่ายด้านสุขภาพเพิ่มขึ้นชัดเจน
  • สทท. ย้ำหากจะสร้าง Wellness Economy ให้เกิดขึ้นจริง การหวังพึ่งแต่นักท่องเที่ยวนั้นไม่เพียงพอ ต้องเริ่มจากเปลี่ยนมายด์เซ็ต ให้คนในท้องถิ่นรู้จักรักษาสุขภาพ มีความเป็นอยู่ที่ดีก่อน จึงจะสามารถสร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดคนภายนอกให้เข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยได้
  • ภูเก็ตผุดโมเดลต้นแบบ ‘Longevity Island’ ยกระดับจาก Wellness City สู่ศูนย์กลางดูแล Health span & Life span ครบวงจร ที่ทำงานร่วมโรงพยาบาลท้องถิ่น เก็บข้อมูลสุขภาพออกแบบกิจกรรม ลด NCDs อำนวยความสะดวกผู้ป่วยฟอกไต ดูแลสุขภาพจิต

เคทีซี หรือบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดงานเสวนา ‘Thailand Wellness Tourism: From Longevity Economy to Lifestyle for All’ รวบรวมผู้นำอุตสาหกรรม ท่องเที่ยวประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ชีวาศรม ปัญญ์ปุริ Thailand Gastronomy และโรงแรมสุโขทัย เพื่อเป็นกระบอกเสียง บอกเล่าถึงโอกาส และอุปสรรคของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

 

ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม รองประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และที่ปรึกษา BDMS Wellness เปิดเผยว่า วิกฤตโควิด-19 ทำให้ผู้คนทั่วโลกหันมาใส่ใจ สุขภาพ ทั้งด้านอาหาร การออกกำลังกาย และสุขภาพจิต จนแนวคิด Well-being กลายเป็นไลฟ์สไตล์สำคัญและต่อยอดสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) ที่สร้างคุณค่าแก่ทั้งร่างกายและเศรษฐกิจ 

 

นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้แบ่งเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ผู้ที่เดินทางเพื่อสุขภาพโดยตรง (Primary Wellness Tourism) และมียอดใช้จ่ายสูง สัดส่วน 15% และผู้ที่ท่องเที่ยวทั่วไปแต่ใช้จ่ายด้านสุขภาพเสริม (Secondary Wellness Tourism) มีสัดส่วน 85%

 

สอดคล้องกับข้อมูลจาก Global Wellness Institute (GWI) ระบุว่า ตลาดท่องเที่ยว เชิงสุขภาพโลกปี 2025 จะมีมูลค่า 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 230 ล้านล้านบาท ตลาด Wellness Tourism ของโลกเติบโตเร็วกว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วไปเกือบ 2 เท่า ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวเชิงสุขภาพใช้จ่ายเฉลี่ยต่อทริปประมาณ 1,886 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 68,000 บาท สูงกว่านักท่องเที่ยวทั่วไปถึง 56% ขณะเดียวกันประเทศไทย ยังครองอันดับ 1 ด้านการเติบโตของตลาดท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ระหว่างปี 2022 -2023 จากบรรดา 25 ตลาดสุขภาพชั้นนำของโลก

 

นอกจากนี้ ประเทศไทยยังได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพจัดงาน Global Wellness Summit 2026 (GWS 2026) ณ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นงานที่รวบรวมผู้เชี่ยวชาญ ด้านสุขภาพ จากวงการต่างๆ มากแลกเปลี่ยนความรู้ และร่วมกันกำหนดทิศทางของอุตสาหกรรม ในอนาคต โดยถือเป็นโอกาสนำเสนอ Soft power ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย สมุนไพรไทย และการนวดไทย ที่แม้จะเป็นที่รู้จัก แต่ยังมีจุดอ่อนเรื่องความเชื่อมั่น เนื่องจากไม่มีงานวิจัย ในปัจจุบันมารองรับ การทำให้ทั่วโลก เข้าใจภูมิปัญญาด้านสุขภาพของไทย จะช่วยยกระดับให้ไทย กลายเป็นศูนย์กลางด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพอย่างแท้จริง 

 

ตลาด Wellness โตแรง นักท่องเที่ยวพร้อมเปย์ พักไทยยาวสูงสุด 6 เดือน 

 

กรด โรจนเสถียร ที่ปรึกษาประธานบริหารและประธานกรรมการ ชีวาศรม อินเตอร์เนชั่นแนล เฮลท์ รีสอร์ท กล่าวว่า ปัจจุบันลูกค้าชีวาศรม 80% เป็นนักท่องเที่ยว ต่างชาติ และ 20% เป็นนักท่องเที่ยวไทย เพิ่มขึ้นจากก่อนโควิดที่มีไม่ถึง 2% กลุ่มหลักคือ Gen X (46-60 ปี) รองลงมาคือ Gen Y (31-45 ปี) ที่นิยมท่องเที่ยวควบคู่ สุขภาพแบบองค์รวม มียอดใช้จ่ายเฉลี่ย 60,000-100,000 บาทต่อคนต่อทริป และมีแนวโน้มพักระยะยาวมากขึ้น ตั้งแต่ 7 คืนจนถึง 3 เดือน บางรายอยู่นานถึง 6 เดือน

 

ด้านวริษฐา พัฒนรัชต์ ผู้บริหารสูงสุด ฝ่ายการตลาดบัตรเครดิต เคทีซี เปิดเผยว่า สมาชิก เคทีซีมีพฤติกรรมลงทุนด้านสุขภาพควบคู่กับการท่องเที่ยวมากขึ้นโดยยอดใช้จ่ายใน โรงแรมที่ตอบโจทย์ Wellness มียอดต่อครั้งสูงกว่าโรงแรมทั่วไป 1.88 เท่า และยังเห็นสัญญาณการใช้จ่ายเพื่อสุขภาพของกลุ่มคนอายุ 30-35 ปี เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

 

เคทีซีมองว่าการท่องเที่ยวในอนาคตคือการสร้าง Travel Ecosystem ที่ตอบโจทย์ทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตในทุกขั้นตอนผ่านการออกแบบสิทธิประโยชน์ เฉพาะสำหรับ Customer Journey เช่น แพลตฟอร์ม KTC Wellness Hub ที่รวบรวมสิทธิประโยชน์มากกว่า 60 พันธมิตร ครอบคลุมรีสอร์ทสุขภาพ โรงพยาบาล สปา และร้านอาหารสุขภาพ มอบสิทธิพิเศษที่ไม่ใช่แค่ส่วนลด แต่เปิดโอกาสให้สมาชิก เข้าถึงบริการสุขภาพที่ได้มาตรฐาน สะดวก และคุ้มค่าอย่างแท้จริง

 

ภูเก็ตนำร่อง Longevity Island คนพื้นที่ต้องอายุยืน

 

สำหรับจุดแข็ง Wellness Tourism ของไทย กรด มองว่า คือ ภูมิปัญญาเก่าแก่ที่ถ่ายทอดกันมา จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต ทั้งอาหารสุขภาพสมุนไพร การแพทย์แผนไทย และวัฒนธรรมที่สัมผัสได้จริง ไม่เพียงสร้างประสบการณ์ แต่ยังช่วยกระจายรายได้สู่ผู้ประกอบการท้องถิ่น

 

ด้านภูมิกิตติ์ กล่าวว่า หากจะสร้าง Wellness Economy ให้เกิดขึ้นจริง การหวังพึ่งแต่นักท่องเที่ยวนั้นไม่เพียงพอ ต้องเริ่มจากเปลี่ยนมายด์เซ็ต ให้คนในท้องถิ่นรู้จักรักษาสุขภาพ มีความเป็นอยู่ที่ดีก่อน จึงจะสามารถสร้างความเชื่อมั่น ดึงดูดคนภายนอกให้เข้ามาท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในประเทศไทยได้

 

ตอนนี้ สทท. กำลังพัฒนาโครงการ Phuket Foresight 2030 ซึ่งเป็นความร่วมมือ ของหน่วยงานหลักต่างๆ เพื่อพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน มีเป้าหมาย เพื่อยกระดับภูเก็ตจาก Wellness City เป็น Longevity Island ด้วยการเป็นศูนย์กลางการดูแล Health span และ Life span ครบวงจร บนความเชื่อที่ว่า ถ้าคนภูเก็ตมีอายุยืนยาวพร้อมสุขภาพแข็งแรงจะช่วยดึงดูดให้คนภายนอก อยากเข้ามาดูแลสุขภาพตัวเองทั้งกายและใจที่ภูเก็ต ซึ่งไม่ได้มีความพร้อมแค่การ เป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ครบวงจร แต่ยังมีความพร้อมทั้งสภาพแวดล้อม อากาศและอาหาร 

โดยได้มีการจับมือโรงพยาบาลในท้องถิ่น ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรม สุขภาพของคนภูเก็ต ร่วมกันออกแบบกิจกรรม ยกระดับวิถีของคนในท้องถิ่น เพื่อลดจำนวนผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยโรค NCDs อำนวยความสะดวกคนฟอกไต และดูแลสุขภาพจิต เป็นต้น

 

สุขภาพดี ไม่จำเป็นต้องแพง

 

แม้ในภาพใหญ่ ไทยจะต้องยกระดับการท่องเที่ยวธรรมชาติ ไปสู่การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่ม Primary Wellness Tourism ที่มีกำลังใช้จ่ายสูง ด้านสุขภาพ ซึ่งเป็นตลาดพรีเมียม แต่การจะขยายตลาดให้ครอบคลุม จะต้องโฟกัสที่กลุ่ม Secondary Wellness Tourism ด้วย ซึ่งมีสัดส่วนมากถึง 85% ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่ที่เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพ จะเห็นได้จากการเกิดขึ้นของรันคลับ จำนวนมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้จะมียอดใช้จ่ายไม่สูงเท่า แต่มีโอกาสทำการตลาดอีกมาก 

 

ทั้งนี้ ภูมิกิตติ์ ย้ำว่า การมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือย (Luxury) ที่คนทั่วไป เอื้อมไม่ถึง แต่เป็นสิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานที่ทุกคนเข้าถึงได้ โดยต้องมีวินัยในการกิน ออกกำลังกาย และนอน จึงจะทำให้มีอายุที่ยืนยาวขึ้น (Life span) โดยไม่ต้องเสียเงินเข้าคอร์สสุขภาพแพงๆ

 

ขาดข้อมูลกลาง รัฐทำงานทับซ้อน อุปสรรคฉุดรั้ง Wellness ไทย

 

เมื่อถามว่า จะยกระดับให้ธุรกิจท้องถิ่นเข้ามีส่วนเฉร่วมในซัพพลายเชน การท่องเที่ยว เชิงสุขภาพได้อย่างไร ภูมิกิตติ์ กล่าวว่า การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ในประเทศไทยยังขาด การเก็บสถิติเชิงลึกเกี่ยการท่องทั้งในแง่รายได้ 

 

การแบ่งหมวดหมู่กิจกรรม เนื่องจากนิยามการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในละพื้นที่แตกต่างกัน จำนวนผู้ประกอบการ และพฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว ทำให้ไม่สามารถวิเคราะห์ การเติบโตของอุตสาหกรรมเพื่อนำไปพัฒนาได้อย่างตรงจุด 

 

ปัจจุบันจึงอ้างอิงข้อมูลจาก Global wellness institute ซึ่งเป็นงานวิจัยขององค์กร ต่างประเทศ ที่ไม่สะท้อนการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างแท้จริง เนื่องจากใช้มาตรวัด บางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เกิดขึ้นจริงในไทย

 

อุปสรรคสำคัญอีกอย่าง คือ การทำงานของหน่วยงานรัฐที่ทับซ้อนกัน มีหลายหน่วยงาน ที่รับผิดชอบในการผลักดันการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ แต่ทำงานแยกส่วน ไม่สอดประสาน กัน ทำให้การใช้งบประมาณพัฒนากระจัดกระจาย ไม่ถูกจุด ทางแก้ คือ รัฐบาลต้อง มอบหมายให้หน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่งเป็นเจ้าภาพหลัก หรือตั้งหน่วยงาน ที่เป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนโครงการ โดยต้องเชื่อมข้อมูลจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง แล้วบูรณาการข้อมูลนั้นให้เกิดประโยชน์

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising