ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ล่าสุดปรับตัวลงแตะจุดต่ำสุดของวัน (20 มกราคม 2564) ที่ระดับ 70.25 บาท ลดลง 8.7% จากวันก่อนหน้า ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 2 พันล้านบาท
โดยในช่วงก่อนหน้านี้ราคาหุ้น KTC ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง 5 เดือนติดต่อกัน จากเพียง 30.75 บาท ไปแตะจุดสูงสุดที่ 90.25 บาท หรือเพิ่มขึ้น 193%
ชาลี กือเย็น นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า ราคาหุ้น KTC ที่ปรับตัวลดลงแรงในวันนี้เป็นผลจากการ Sell on Fact หลังจากที่บริษัทรายงานผลประกอบการปี 2563 ทำได้ 5.3 พันล้านบาท ลดลง 3.5% จากปีก่อนหน้า ประกอบกับราคาหุ้นของ KTC ปรับตัวขึ้นมาเยอะมากก่อนหน้านี้
“จากงบที่ออกมา จริงๆ แล้วต่ำกว่าคาดการณ์ของเราประมาณ 15% โดยภาพรวมเรายังไม่เห็นว่าธุรกิจหลักของบริษัทฟื้นตัวได้มากนัก เมื่อเทียบกับราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมา ขณะเดียวกันธุรกิจใหม่ (เช่น สินเชื่อรถยนต์ และเคทีซี พรีเพด) ก็ยังไม่ได้สะท้อนให้เห็นว่าจะช่วยหนุนการเติบโตได้อย่างไรบ้าง”
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่บริษัททำได้ค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมาคือ การควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างดี แต่โดยพื้นฐานปัจจุบันยังไม่สอดรับกับราคาหุ้นที่ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ จึงแนะนำขาย เพราะราคาปัจจุบันเกินพื้นฐานที่ให้ไว้ 53 บาท
ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) แนะนำขายสำหรับหุ้น KTC เช่นกัน โดยมองว่าราคาหุ้น KTC ขยับขึ้นมาเกินปัจจัยพื้นฐานแล้ว หลังจากพุ่งขึ้น 101% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา
ส่วนแนวโน้มปี 2564 คาดการณ์การเติบโตของสินเชื่อและการใช้จ่ายผ่านบัตรเพิ่มขึ้น 8% แต่เชื่อว่า NIM จะยังคงถูกกดดันจากผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงทั้งปี
อย่างไรก็ดี เราปรับเพิ่มประมาณการผลประกอบการขึ้น 2% สำหรับปี 2564-2565 เพื่อสะท้อนการเติบโตของสินเชื่อที่สูงขึ้นและการเติบโตของรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยรับสุทธิ (Non-NII) โดยคาดว่ากำไรต่อหุ้น (EPS) จะเติบโต 11% ต่อปี สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียนรถยนต์ บริษัทจะค่อยๆ ขยายพอร์ต และตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อ 1 พันล้านบาทในปีนี้
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล