หุ้น KTC ดิ่ง 27% โดยราคาร่วงลงมาอยู่ที่ Floor หรือราคาต่ำสุดที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา หลังจากที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ปรับเกณฑ์ชั่วคราว โดยปรับระดับ Floor จาก -30% มาเป็น -15%
ราคาหุ้น KTC หรือ บมจ.บัตรกรุงไทย เคยพุ่งขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 90.25 บาท เมื่อต้นปี 2564 ทำให้มูลค่าบริษัทพุ่งขึ้นไปสูงถึง 2.3 แสนล้านบาท ก่อนจะค่อยๆ ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จนล่าสุดมูลค่าลดลงมาเหลือ 6.5 หมื่นล้านบาท ลดลงไปกว่า 70%
แหล่งข่าวนักวิเคราะห์เปิดเผยว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาหุ้น KTC ดิ่งลงติด Floor ต่อเนื่อง น่าจะเป็นไปตามกระแสข่าวที่ว่าหนึ่งในผู้ถือหุ้นใหญ่ของ KTC ถูกบังคับขาย (Forced Sell) หลังจากที่ราคาหุ้น KTC ปรับตัวลงต่อเนื่อง จนมูลค่าของหุ้นที่ถูกนำไปเป็นหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้นลดต่ำกว่าระดับที่กำหนด และเจ้าของบัญชีไม่สามารถนำเงินมาเติมได้ในเวลาที่กำหนด
หากดูจากข้อมูลที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ เปิดเผย ณ สิ้นเดือนพฤษภาคม 2568 หุ้น KTC ถูกนำไปวางเป็นหลักประกันในบัญชีมาร์จิ้นของลูกค้ารวมกันถึง 420 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท
“ผลกระทบต่อหุ้น KTC เชื่อว่าอีก 2-3 วันกว่าจะจบ ไม่เพียงแค่ผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่นักลงทุนรายอื่นๆ ที่ใช้บัญชีมาร์จิ้นก็น่าจะถูก Forced Sell ตามๆ กัน จนกว่าจะแรง Forced Sell จะหมด”
อย่างไรก็ดี ผลกระทบต่อธุรกิจในเชิงปัจจัยพื้นฐานอาจจะไม่ได้กระทบมากนัก แม้การเติบโตของ KTC จะชะลอลง แต่โดยภาพรวมบริษัทยังมีรายได้และกำไรที่ค่อนข้างมั่นคง และผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ธนาคารกรุงไทย ก็ไม่ได้มีปัญหาใดๆ
เพราะฉะนั้นผลกระทบต่อหุ้นอาจจะไม่ได้มากเท่ากับหุ้นบางตัวที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ถูก Forced Sell ไปก่อนหน้านี้
“กำไรที่เติบโตชะลอลงเป็นส่วนหนึ่งที่ส่งผลกระทบต่อราคา แต่ด้วยพื้นฐานแล้ว โดยเฉพาะอัตราเงินปันผลที่ขึ้นมาเป็นเกือบ 5% น่าจะทำให้นักลงทุนบางส่วนเริ่มหาจังหวะซื้อ”
แต่ในระหว่างที่แรง Forced Sell ยังไม่หมด โดยอาจจะดูได้จากปริมาณ Offer ของราคาล่าสุดที่ยังสูงระดับ 100-200 ล้านหุ้น ทำให้ยังไม่มีนักลงทุนกล้าที่จะเข้าซื้อในเวลานี้ และรอให้แรงขายจาก Forced Sell จบลงก่อน
นอกจาก KTC แล้ว จะเห็นว่าหุ้นอย่าง XPG และ BEC ที่มีรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่รายเดียวกันถืออยู่นั้น ราคาก็ปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นนักลงทุนที่อาจจะกำลังมองสถานการณ์นี้เป็นโอกาส อาจจะต้องพิจารณาดูหุ้นทั้ง 3 ตัวไปพร้อมๆ กัน เพื่อพิจารณาว่าแรงขายจาก Forced Sell จบลงแล้วหรือยัง