เกิดอะไรขึ้น:
วันศุกร์ที่ 15 ตุลาคม 2564 บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) รายงานกำไรสุทธิ 3Q64 ที่ 1.32 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8%YoY แต่ลดลง 22%QoQ และต่ำกว่าตลาดคาด 20% โดยยอดสินเชื่อรวม 3Q64 หดตัว 2.6%QoQ และ 3.5%YTD แต่เพิ่มขึ้น 3%YoY (สินเชื่อบัตรเครดิตหดตัวลง 2.1%QoQ, 9.5%YTD และ 0.3%YoY สินเชื่อส่วนบุคคลลดลง 1%QoQ, 2.4%YTD และ 1.7%YoY สินเชื่อเช่าซื้อลดลง 22.3%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากการตัดหนี้สูญ) ด้านรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) 3Q64 ลดลง 9%QoQ (ลดลง 11%YoY) เนื่องจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง 5%QoQ และหนี้สูญที่ได้รับคืนลดลง 12%QoQ
ส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) 3Q64 เพิ่มขึ้น 3bps QoQ (เพิ่มขึ้น 3 bps YoY) โดยผลตอบแทนจากการให้สินเชื่อลดลง 2 bps QoQ และต้นทุนทางการเงินลดลง 7 bps QoQ ด้านอัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ 3Q64 เพิ่มขึ้น 315 bps QoQ และ 287 bps YoY สู่ 36% โดย OPEX เพิ่มขึ้น 4%QoQ และ 3%YoY ซึ่งเกิดจากการรวมงบการเงินของบริษัทกรุงไทยธุรกิจลีสซิ่ง (KTBL) เข้ามาตลอดไตรมาส
ขณะที่ด้านคุณภาพสินทรัพย์โดย NPL 3Q64 ลดลง 15%QoQ เนื่องจากการตัดหนี้สูญเพิ่มขึ้น ซึ่งหลักๆ มาจากพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อจาก KTBL ถ้าบวกยอดตัดหนี้สูญกลับเข้ามา NPL จะเพิ่มขึ้น 36%QoQ โดยอัตราส่วน NPL 3Q64 ลดลงจาก 4.4% ใน 2Q64 สู่ 3.8% และอัตราส่วน NPL ของสินเชื่อเช่าซื้อ 3Q64 ลดลงจาก 51.7% ใน 2Q64 สู่ 46.1%
ขณะที่อัตราส่วน NPL ของสินเชื่อบัตรเครดิต 3Q64 อยู่ในระดับทรงตัวที่ 1.5% อัตราส่วน NPL ของสินเชื่อส่วนบุคคล 3Q64 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจาก 3% ใน 2Q64 สู่ 3.2% ด้าน Credit Cost 3Q64 เพิ่มขึ้น 83 bps QoQ สู่ 5.98% ทั้งนี้ สินเชื่อภายใต้มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ของ KTC เพิ่มขึ้นจาก 1.55 พันล้านบาท (1.74% ของสินเชื่อรวม) ใน 2Q64 สู่ 1.83 พันล้านบาท (เป็น 2.11% ของสินเชื่อรวม) ใน 3Q64
กระทบอย่างไร:
วันนี้ (18 ตุลาคม) ราคาหุ้น KTC ลดลง 0.90%DoD สู่ระดับ 55.25 บาท
มุมมองระยะสั้น:
SCBS คาดการณ์ว่า กำไร 4Q64 ของ KTC จะฟื้นตัวดีขึ้นทั้ง QoQ และ YoY โดยได้รับการสนับสนุนจากกิจกรรมทางธุรกิจที่เพิ่มขึ้นหลังรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งหนุนให้รายได้ค่าธรรมเนียมและสินเชื่อ 4Q64 เติบโต QoQ ขณะที่การตั้งสำรอง 4Q64 มีแนวโน้มลดลง YoY
มุมมองระยะยาว:
สำหรับแนวโน้มกำไรปี 2565 ของ KTC นั้น SCBS คาดการณ์ว่า จะเติบโต 11% โดยได้รับการสนับสนุนจากการคาดการณ์ว่าสินเชื่อจะเติบโต 7% ขณะที่ Credit Cost จะอยู่ในระดับทรงตัวที่ 5.5% และ Non-NII จะเติบโต 6%
ในระยะถัดไปต้องติดตามความเสี่ยงจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแข่งขันจากกลุ่มธนาคาร
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
- Twitter: twitter.com/standard_wealth
- Instagram: instagram.com/thestandardwealth
- Official Line คลิก https://lin.ee/xfPbXUP