นักวิเคราะห์ประเมินดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อจากแนวโน้มที่สหรัฐฯ และจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าในช่วงสุดสัปดาห์ หลังนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อรอผลการประชุม ส่วนการเมืองไทย คาดว่าการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส. ถือหุ้นสื่ออาจไม่กดดันตลาดหุ้น
การที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาพูดในทิศทางเดียวกันว่า คณะเจรจาของสหรัฐฯ และจีนมีโอกาสบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีนในระหว่างที่สองผู้นำพบกันในวันที่ 29 มิถุนายนนั้น เป็นปัจจัยบวกต่อตลาด แต่นักลงทุนบางส่วนยังคงรีรอเพื่อดูผลลัพธ์การประชุมที่แท้จริง เนื่องจากเคยผิดหวังมาหลายครั้งแล้ว
อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดทิศทางดอกเบี้ยเมื่อคืนที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าโอกาสในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีน้อยลง เนื่องจากหากเจรจาการค้าประสบความสำเร็จ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ส่วนทิศทางการเมืองไทย นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ KTBST ประเมินว่าการรับคำร้องของศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณา 32 ส.ส. กรณีถือหุ้นสื่อ อาจส่งผลกระทบที่ไม่มีนัยต่อตลาด แต่มีการจับตาว่าการตั้ง ครม. อาจมีความขลุกขลักและล่าช้า อย่างไรก็ตาม นายกฯ ได้ออกมาพูดก่อนหน้านี้แล้วว่า การตั้ง ครม. น่าจะเสร็จสิ้นไม่เกินกลางเดือนหน้า
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนในมุมมองของ KTBST นั้น ภาพรวมตลาดดีขึ้นด้วยเรื่องเทรดวอร์ที่มีแนวโน้มคลี่คลาย แต่แรงซื้อยังไม่เต็มที่เพราะต้องรอดูผลจริงๆ ว่าจะออกมาในรูปใด เชื่อว่าตลาดหุ้นไทยจะบวกต่อ แต่ยังให้น้ำหนักกับหุ้นความเสี่ยงต่ำ เช่นหุ้นโรงไฟฟ้า และกองทุน (REIT, Property Fund, Infra Fund) หรือหุ้นที่อิงปัจจัยเฉพาะตัว
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
- บริษัท KTBST