ตรรก บุนนาค ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ช่วงไตรมาส 4/64 คาดการณ์ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าสู่ระดับ 29.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกรอบการเคลื่อนไหวอยู่ที่ 29.00-30.25 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้มองว่าปัจจัยที่จะส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาท ได้แก่ นโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง โดยปัจจุบันสหรัฐฯ ยังจะมีนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายขนาดใหญ่และพยายามตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำมากเป็นระยะเวลานาน
นอกจากนี้การขาดดุลการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอาจส่งผลให้คาดการณ์เงินเฟ้อสูงขึ้น ขณะที่อัตราผลตอบแทนที่แท้จริงของสินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐลดลง และอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้มองว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งจะทำให้ค่าเงินหยวนแข็งค่า ขณะเดียวกันคาดว่าจะเห็นเงินทุนไหลกลับเข้าสู่กลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งไทยจะได้รับอานิสงส์ด้วย และกดดันให้ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น
ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องติดตาม ได้แก่ ประเด็นด้านโควิด-19 ทั้งการแพร่ระบาดนโยบายการเงินและการคลังของยุโรปที่จะรับมือต่อโควิด-19 ข่าวการพัฒนาและกระจายวัคซีน รวมถึงเรื่อง Brexit จะมีทิศทางอย่างไร
ในส่วนของประเทศไทยจะเห็นว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมาตรการเพื่อชะลอเงินบาทที่แข็งค่าอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการผ่อนคลายเกณฑ์ให้ไปลงทุนในต่างประเทศ
นอกจากนี้คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตลอดทั้งปี 2564 (0.5% ต่อปี) โดยความเสี่ยงของเศรษฐกิจขาลงยังมีสูงมาก เพราะมีความไม่แน่นอนทั้งปัจจัยในและต่างประเทศ โดยเศรษฐกิจไทยมีจุดเปราะบางสำคัญคือการจ้างงานและหนี้ภาคครัวเรือน และศูนย์วิจัยกรุงศรี คาดว่า GDP ปี 2564 จะขยายตัวที่ 3.3% แม้ว่าปี 2563 นี้จะติดลบราว 6.4%