×

กรุงศรี ฟินโนเวต เล็งเปิดกองทุน Finno Efra สนับสนุนสตาร์ทอัพระยะแรกภายในต้นปีหน้า ดันธุรกิจหน้าใหม่ให้โตอย่างยั่งยืน หลังวงการเจอกับภาวะเงินทุนขาดแคลน

08.12.2023
  • LOADING...
กองทุน Finno Efra

“สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นประเด็นที่ทำให้ประเทศไทยต่างจากประเทศอื่นในเรื่องของการลงทุนสตาร์ทอัพคือ สถานการณ์ตอนนี้ที่ VC เกือบทั้งหมดในประเทศไทยต่างไปรอให้เงินระดมทุนที่ Series A เป็นต้นไปแล้ว ทำให้สตาร์ทอัพหลายรายที่ยังอยู่ในช่วงสร้างตัวอยู่ขยับต่อไปได้ยาก ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้ต่างกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศมาก” แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด กล่าว

 

กรุงศรี ฟินโนเวต คือหนึ่งในผู้นำด้านกองทุนที่ร่วมลงทุนกับบริษัทสตาร์ทอัพประเภท Corporate Venture Capital (CVC) ที่มีเครือข่ายครอบคลุมมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศไทย โดยมีมูลค่าพอร์ตการลงทุนทั้งหมดกว่า 3.5 พันล้านบาท กับ 24 สตาร์ทอัพในพอร์ต เช่น Grab, Flash Express, Klook และอื่นๆ

 

ภาพรวมการลงทุนสตาร์ทอัพของกรุงศรี ฟินโนเวต  

 

แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท กรุงศรี ฟินโนเวต จำกัด ได้อัปเดตสถานการณ์กับสื่อมวลชนถึงความคืบหน้าการลงทุนของบริษัทในปี 2023 ว่า กองลงทุนหลักอย่าง Finnoventure Private Equity Trust 1 ที่เน้นการลงทุนในสตาร์ทอัพตั้งแต่ Series A ขึ้นไป และได้เปิดตัวตั้งแต่ปี 2022 มีเม็ดเงินที่ลงทุนในสตาร์ทอัพไปแล้วกว่า 1,200 ล้านบาท จากเงินระดมทุนทั้งหมด 2,700 ล้านบาท และคาดว่าจะใช้เงินลงทุนทั้งหมดภายในปี 2024 จากจำนวนสตาร์ทอัพที่อยู่ในแผนอีกหลายตัว

 

“เราเป็นธนาคารที่ทำงานร่วมกันกับสตาร์ทอัพมากที่สุดในประเทศไทย โดยเรามีเครือข่ายสตาร์ทอัพที่ร่วมงานกันถึง 71 รายใน 38 หน่วยงานธุรกิจ พร้อมกับโปรเจกต์ที่อยู่ในไพพ์ไลน์กว่า 130 ตัว” 

 

 

กรุงศรี ฟินโนเวตมีกองทุนแม่ชื่อว่า Finnoventure Private Equity Trust 1 ที่เน้นการลงทุนในธุรกิจกลุ่ม Fintech, E-Commerce และ Mobility Tech เพื่อยกระดับการลงทุนในประเทศไทย พร้อมทั้งมองหาโอกาสในต่างประเทศด้วย

 

สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนของกรุงศรี ฟินโนเวต คือความกล้าที่จะลงในธุรกิจที่อยู่นอกเหนือจาก ‘การเงิน’ ที่เป็นความเชี่ยวชาญของตัวเอง เนื่องจากกรุงศรีมองการลงทุนเป็นแบบระบบนิเวศ หมายความว่าทุกวันนี้ลูกค้าธนาคารไม่ได้มีแต่รายย่อยแล้ว แต่รวมไปถึงลูกค้า SMEs หรือระดับองค์กร ที่ธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ถูกทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นจากการเข้ามาของสตาร์ทอัพภายในระบบของกรุงศรีเอง เมื่อลูกค้าที่ได้รับความสะดวกสบายจากระบบนิเวศของกรุงศรีมากขึ้น แนวโน้มที่คนจะนึกถึงธนาคารก็เพิ่มมากขึ้นด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีกองทุนที่ชื่อว่า Finnoverse & Futuristic Fund ที่มุ่งลงทุนธุรกิจในด้าน Web 3.0, Blockchain, Cybersecurity และ AI เพื่อสร้างสตาร์ทอัพใหม่ๆ มาเสริมกระบวนการทำงานกับธนาคารให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

Finno Efra กองทุนสนับสนุนสตาร์ทอัพระยะแรกให้โตได้อย่างยั่งยืน

 

“ตั้งแต่ปีที่แล้วที่เราเริ่มทำกองทุน Finnoventure Private Equity Trust 1 ที่ลงทุนกับสตาร์ทอัพ Series A ขึ้นไป เราพบว่าสตาร์ทอัพที่เข้ามาหาเราเพื่อขอระดมทุนมีจำนวนน้อยลง หรือเข้ามาแล้วก็มีหลายตัวที่ไม่ผ่านมาตรฐานของเรา ต้องยอมรับว่าทางกรุงศรี ฟินโนเวต ปฏิเสธไปหลายดีล เนื่องจากเราปรับกลยุทธ์โดยให้ความสำคัญกับการเติบโตแบบยั่งยืน” แซมกล่าวถึงบรรยากาศการลงทุนที่เปลี่ยนไป และต่างจากสตาร์ทอัพในสมัยก่อนที่เน้นการ ‘Burn Cash’ เพื่อแลกกับความเติบโต

 

 

จากการสำรวจภายในตลาดเพิ่มเติม กรุงศรี ฟินโนเวตจึงได้เห็นว่า สตาร์ทอัพไทยส่วนใหญ่ไปติดกับดักอยู่ในช่วงระหว่าง Seed ถึง Pre-Series A เนื่องจากนักร่วมลงทุนในประเทศไทยหลายรายยังมองว่าระยะนี้เป็นความเสี่ยง และอยากได้ความแน่นอนมากกว่านี้ จึงข้ามไปรอที่ Series A เลย ซึ่งผิดกับในต่างประเทศที่มี VC รอลงทุนเพื่อดันสตาร์ทอัพในช่วงแรกค่อนข้างเยอะ

 

ล่าสุด กรุงศรี ฟินโนเวตจึงได้ประกาศถึงแผนการเปิดตัวในช่วงเดือนมีนาคม 2024 ของกองทุนชื่อว่า Finno Efra เพื่อแก้ไขปัญหาและผลักดันสตาร์ทอัพในระยะเริ่มแรก ตั้งแต่ช่วง Seed จนถึง Pre-Series A ให้สามารถเกิดและโตได้ เนื่องจากสตาร์ทอัพกลุ่มนี้ได้รับการสนับสนุนค่อนข้างน้อยลงในช่วงที่ผ่านมา หลังยุคที่ต้นทุนทางการเงินมีราคาแพง

 

 

กองทุน Finno Efra จะมีเงินลงทุนทั้งหมดตามที่กรุงศรีวางไว้อยู่ระหว่าง 1-1.3 พันล้านบาท โดยมุ่งเน้นลงทุนกับกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับ Digital Transformation ทั้งไทยและต่างประเทศในอาเซียน เม็ดเงินที่ลงทุนต่อสตาร์ทอัพจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนของ Finno Efra จะไม่ใช่แค่การให้ทุนอย่างเดียว แต่ทุกสตาร์ทอัพจะต้องได้รับการฝึกฝนในศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพของทางกรุงศรี เพื่อทดสอบความพร้อมก่อนที่จะได้รับเงินลงทุน เพราะทางกรุงศรีเชื่อว่าการเรียนรู้สำคัญอย่างมากกับสตาร์ทอัพหน้าใหม่

 

“สิ่งที่ประเทศไทยขาดหายไปคือเงินทุน กรุงศรี ฟินโนเวตจะเข้ามาเติมเงินทุนในส่วนนี้ พร้อมทั้งเรายังได้หารือกับภาครัฐถึงการทำ Matching Fund ที่กำลังจะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งเป็นโครงการที่รัฐจะสนับสนุนเงินให้กับสตาร์ทอัพมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาทต่อธุรกิจ โดยจะอนุมัติเงินภายหลังจากที่สตาร์ทอัพนั้นได้รับเงินลงทุนจาก VC แล้ว”

 

หลายคนมักจะเคยได้ยินคำพูดที่ว่า ทำอย่างไรจึงจะให้เศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งสิ่งหนึ่งที่แซมมองว่าจะทำเศรษฐกิจโตและเดินไปข้างหน้าได้ก็คือสตาร์ทอัพ “เศรษฐกิจจะโตได้ต้องมีสตาร์ทอัพ ถ้าเราไปดูบริษัท 8 ใน 10 อันดับแรกในสหรัฐฯ เราจะเห็นว่าส่วนมากเป็นบริษัทเทคทั้งสิ้น ซึ่งพวกเขาเป็นสตาร์ทอัพมาก่อน แต่สิ่งสำคัญที่จะทำให้สตาร์ทอัพโตขึ้นมาได้คือ VC”

 

ด้วยเครือข่ายที่กว้างขวางไกลกว่าขอบเขตประเทศไทย และประสบการณ์ที่เพียบพร้อมในวงการสตาร์ทอัพ กรุงศรี ฟินโนเวตเปิดโอกาสให้สตาร์ทอัพหน้าใหม่สาย Digital Transformation ที่กำลังมองหาแหล่งความรู้ มุมมอง และเงินทุน สามารถเข้าไปเรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญของกรุงศรี ฟินโนเวตได้ เพื่อนำมาต่อยอดธุรกิจ พร้อมกับร่วมกันสร้างระบบนิเวศสตาร์ทอัพของไทยให้เติบโตได้ในเวทีโลก

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

X
Close Advertising