สมหวัง โตรักตระกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทบัตรกรุงศรีอยุธยา (KCC) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าจะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตที่ 8% ในปี 2565 จากยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้ที่คาดว่าจะปิดได้ที่ 1.9 แสนล้านบาท หรือเติบโต 3% เนื่องจากในช่วง 9 เดือนมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเข้ามาแล้ว 1.2 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทยังวางเป้าหมายยอดบัตรเครดิตใหม่ปี 2565 เพิ่มขึ้น 1.9 แสนใบ ซึ่งจะทำให้ฐานบัตรรวมขยายจาก 2.3 ล้านใบ เป็น 2.4 ล้านใบ ขณะที่การเติบโตของบัตรใหม่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้มีเข้ามาแล้ว 1 แสนใบ และคาดว่าทั้งปีจะมีเข้ามารวม 1.4 แสนใบ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด การขยายฐานลูกค้าบัตรใหม่ผ่านบางช่องทางในบางช่วงไม่สามารถทำได้ แต่เชื่อว่าหลังมีการเปิดประเทศ คนเริ่มกลับมามีรายได้ จำนวนบัตรใหม่จะค่อยๆ เติบโตขึ้น
“เทรนด์การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตช่วงหลังจากนี้น่าจะเริ่มดีขึ้นล้อไปกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่มีการเปิดประเทศ โดยเรามองว่า GDP ในปีหน้าจะขยายตัวได้ 3-4% การเติบโตของบัตรเครดิตก็จะล้อไปตามกัน อย่างไรก็ดี พฤติกรรมการใช้ของลูกค้าจะปรับไปสู่วิถี New Normal มากขึ้น เช่น การใช้จ่ายออนไลน์ที่ในปีนี้เติบโตขึ้นกว่า 50% จากปีก่อน หรือคิดเป็นสัดส่วน 23% ของยอดใช้จ่ายผ่านบัตรทั้งหมด” สมหวังกล่าว
สมหวังกล่าวว่า เพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ล่าสุด KCC ได้ทุ่มงบประมาณราว 50 ล้านบาท เปิดตัวบัตรเครดิต Krungsri NOW (บัตรเครดิต กรุงศรี นาว) ซึ่งเป็นบัตรเครดิตดิจิทัลใบแรกในเครือบัตรเครดิตกรุงศรี ที่เน้นเจาะตลาดกลุ่ม Millennials และ Gen Z อายุ 21-35 ปี ที่นิยมการใช้จ่ายผ่านช่องทางออนไลน์
โดยบัตรดังกล่าวมีจุดเด่นเรื่องการให้เครดิตเงินคืน 5% สำหรับการใช้จ่ายออนไลน์ ยกเว้นหมวดประกันและหมวดท่องเที่ยว เมื่อใช้จ่ายครบทุก 500 บาทต่อเซลสลิป พร้อมให้พอยต์สะสม 2 เท่าผ่านการใช้จ่ายในร้านอาหารที่ร่วมรายการ หรือรับพอยต์สะสม 1 พอยต์จากทุกการใช้จ่ายผ่านบัตร 25 บาท รวมถึงสิทธิ์ในการแบ่งชำระ 0% นานสูงสุด 10 เดือน กับสินค้าและบริการที่ร่วมรายการ ขณะเดียวกันยังมีส่วนลดและสิทธิพิเศษอื่นๆ ซึ่งตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เช่น ส่วนลดหรือเข้าพักฟรี 1 คืนที่โรงแรมชั้นนำที่ร่วมรายการกว่า 2,500 แห่งทั่วโลก
ทั้งนี้ KCC ตั้งเป้าว่าภายใน 1 ปีหลังจากเปิดตัว จะมียอดสมัครบัตรเครดิต NOW กว่า 36,000 ใบ และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรใหม่เพิ่มขึ้น 1.2 พันล้านบาท และในระยะยาวคาดว่าผลิตภัณฑ์บัตรใหม่นี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจของบริษัท ด้วยการขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง
“ปัจจุบัน 70% ของฐานลูกค้าบัตร KCC จะเป็นคนในกลุ่ม Gen X และ Baby Boomers เราเชื่อว่าบัตร NOW จะทำให้สัดส่วนของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่เพิ่มขึ้นเป็น 35% ในปีหน้า โดยนอกจากการเปิดตัวบัตร NOW แล้ว ในปีนี้บริษัทยังมีแผนจะปรับโฉมบัตรอื่นๆ เพื่อขยายฐานกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ให้เพิ่มขึ้นเช่นกัน” สมหวังกล่าว
ด้าน ไอลีน ชูว ผู้จัดการประจำประเทศไทยและเมียนมา มาสเตอร์การ์ด กล่าวว่า ผู้บริโภคทั้งในไทยและทั่วโลกเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรม โดยมีมุมมองและความคาดหวังว่ามาตรฐานการบริการต่างๆ ควรจะเป็นดิจิทัลโดยอัตโนมัติ โดยผู้บริโภคเริ่มแสวงหารูปแบบการชำระเงินใหม่ๆ และต้องการประสบการณ์การใช้จ่ายแบบ Omni-Channel ที่ปรับให้สอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคล
โดยข้อมูลจาก Mastercard New Payments Index 2021 ซึ่งเป็นการสำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคจากทั่วโลกเกี่ยวกับพฤติกรรมการชำระเงินและการซื้อขายผ่านทาง Omni-Channel พบว่า เกือบ 80% ของผู้บริโภคชาวไทย น่าจะใช้จ่ายด้วยเงินสดน้อยลงในปีหน้า และ 59% กล่าวว่าจะหลีกเลี่ยงร้านค้าที่ไม่รับชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ
“เรามองว่าการแข่งขันของธุรกิจบัตรเครดิตในช่วงจากนี้ไปจนถึงปีหน้าจะรุนแรงในหมวดช้อปปิ้งออนไลน์ และการเดินทางท่องเที่ยวที่จะเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ขณะเดียวกัน ผู้ให้บริการก็จะต้องแข่งขันกันพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ เพื่อดึงดูดลูกค้าให้ได้มากที่สุด” สมหวังกล่าว
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP
