วันนี้ (20 มิถุนายน) กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาราคาน้ำมันแพงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว โดยระบุว่า หลังจากที่พรรคกล้าแถลงไป 1 สัปดาห์ มาตรการของรัฐบาลไม่ทำให้ราคาหน้าปั๊มลดลง โดยราคาน้ำมันสัปดาห์ที่ผ่านมายังขึ้นอยู่ ซึ่งวิธีการหนึ่งที่จะทำให้ราคาน้ำมันลดได้ทันทีคือการใช้อำนาจตามมาตรา 24 และ 25 (2) พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยสินค้าและการบริการ โดยคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เป็นประธาน สามารถใช้อำนาจกำหนดอัตรากำไรของสินค้าควบคุมได้
กรณ์กล่าวว่า ก๊าซปิโตรเลียมเหลวและน้ำมันเชื้อเพลิงถือเป็นสินค้าควบคุมตามบัญชีของคณะกรรมการ และเมื่อเทียบค่าการกลั่นเฉลี่ย 3 เดือนแรกของปีอยู่ที่ 1.91 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นราคาที่มีกำไรอยู่แล้ว จนมาเจอกับสถานการณ์สงครามยูเครน ราคาค่าการกลั่นสูงขึ้นเรื่อยๆ บางวันสูงขึ้นถึง 8.56 บาทต่อลิตร แต่โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 5.80-6 บาทต่อลิตร เมื่อเอาค่าการกลั่นช่วงแรกกับช่วงหลังมาหักลบกัน ราคาก็จะลดลงได้ทันทีถึง 4 บาทต่อลิตร ซึ่งน่าจะเป็นราคาที่เหมาะสมและโรงกลั่นได้กำไร จึงขอให้ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ใช้อำนาจตามกฎหมาย
นอกจากนี้กรณ์ยังตั้งข้อสังเกตถึงกรณีที่กระทรวงพลังงานจะเก็บเงินจากธุรกิจโรงกลั่นเดือนละ 8,000 ล้านบาท เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อเสริมสภาพคล่องกองทุนน้ำมันว่า การเก็บเงินลักษณะนี้เป็นรูปแบบเดียวกันกับภาษีลาภลอยที่พรรคกล้าเคยนำเสนอไป แต่ที่รัฐบาลดำเนินการเป็นเพียงสัญญาปากเปล่า ไม่รู้ว่าจำนวนเงินที่เก็บเป็นตัวเลขที่มากหรือน้อยเกินไป ไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย และสถานการณ์น้ำมันแพงอาจยาวมากว่า 3 เดือน จึงคิดว่าแนวทางที่เหมาะสมที่สุดคือการออกเป็นกฎหมายในรูปแบบพระราชกำหนด ซึ่งเป็นอำนาจของคณะรัฐมนตรีและมีผลผูกพันทางกฎหมาย สอดคล้องหลักความโปร่งใสและธรรมาภิบาล
ระหว่างการแถลง กรณ์ยังชี้แจงถึงที่มาค่าการกลั่นสูงถึง 8.5 บาทต่อลิตรว่า ตัวเลขเป็นข้อมูลสาธารณะ ข้อมูลจากเว็บไซต์ไทยออยล์ เว็บไซต์กระทรวงพลังงาน และอัตราแลกเปลี่ยนจากธนาคารแห่งประเทศไทย ย้ำว่าเป็นข้อมูลที่เชื่อถือได้ ซึ่งแน่นอนว่าค่าการกลั่น 8.5 บาทต่อลิตร เป็นตัวเลขที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่เป็นตัวเลขจริงที่อ้างอิงเมื่อวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อส่งสัญญาณว่าค่าการกลั่นเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ที่มีการอ้างว่าค่าการกลั่นเฉลี่ย 3 บาทต่อลิตร เป็นตัวเลขเฉลี่ยช่วง 5 เดือนแรก ซึ่งเป็นอดีตไปแล้ว ดังนั้นจะเอาค่าเฉลี่ยในอดีตมาอ้างเพื่อแก้ปัญหาไม่ได้ เพราะวันนี้ค่าการกลั่นขึ้นสูงขึ้นต่อเนื่อง