วันนี้ (2 กันยายน) ที่ทำการพรรคชาติพัฒนา มีการแถลงข่าวร่วมกันระหว่าง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และ กรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ถึงความชัดเจนทางการเมืองว่าเป็นการรวมพรรค หรือมาร่วมในนามส่วนตัว
สุวัจน์กล่าวว่า พรรคชาติพัฒนามองถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้น เราอยากแก้ไขปัญหาและวิกฤตในประเทศ ที่ต้องเจอผลกระทบจากการระบาดของโควิด การหยุดชะงักของภาคการผลิต ปัญหาภาคครัวเรือน ปัญหาสงคราม ทำให้เกิดปัญหาน้ำมันราคาแพง เงินเฟ้อ ทุกอย่างแพงขึ้น ในฐานะที่เราเป็นพรรคการเมืองจะมีส่วนสำคัญในการเข้ามากอบกู้เศรษฐกิจของประเทศ และต้องมีมืออาชีพด้านเศรษฐกิจมากอบกู้วิกฤตร่วมกัน ส่วนตัวมองว่ามือเศรษฐกิจที่สำคัญในตอนนี้ จะต้องเข้าใจพื้นฐานเศรษฐกิจรากหญ้า และให้ทราบว่าคนยากจนมีปัญหาอะไร รวมถึงเข้าใจในเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศแบบมหภาค สงครามการค้า ปัญหาในเรื่องของบริบทที่เปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจระดับโลก
“เราคิดถึง กรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีประสบการณ์ในการเป็น ส.ส. ที่ได้มาจากการเลือกตั้ง เรามีความเชื่อมั่นว่ากรณ์จะเป็นผู้มาแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจที่จะเข้าร่วมการทำงานกับพรรคชาติพัฒนา เราจึงขอเรียนเชิญมาจับมือกันร่วมพลังในการแก้ไขปัญหาวิกฤตของชาติบ้านเมือง” สุวัจน์กล่าว
ขณะที่กรณ์ระบุว่า สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว สำคัญมากสำหรับทุกองค์กรและพรรคการเมือง ที่ต้องมีความชัดเจนทั้งในแง่ของหลักการและเป้าหมายในการทำงาน แต่ต้องมีความยืดหยุ่นในเส้นทางที่จะไปสู่เป้าหมาย ซึ่งเป้าหมายของตนในฐานะนักการเมืองที่ทำงานมา 10 กว่าปี ต้องการช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ช่วยแก้ปัญหาในภาวะเศรษฐกิจ แก้ไขปัญหาปากท้อง สร้างโอกาส และความหวังให้กับคนรุ่นใหม่ สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประชาชน นี่คือเป้าหมายที่ตนไม่เคยเปลี่ยน
“ผมมาในนามของ กรณ์ จาติกวณิช การตัดสินใจที่จะจับมือกับพรรคชาติพัฒนาเป็นการตัดสินใจที่ง่ายมาก เพราะผมมีคำถามเดียวที่ถามกับตัวเอง เราจับมือกันแล้วจะทำให้เราทั้งสองคนมีโอกาสช่วยประชาชนตามเป้าหมายที่เราตั้งไว้มากขึ้นหรือไม่ การจับมือเป็นโอกาสที่จะขับเคลื่อนนโยบายให้ประชาชนได้ จะต้องมีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และหากจับมือแล้วประชาชนได้ประโยชน์ ทำไมถึงจะไม่สามารถจับมือกันได้” กรณ์กล่าว
กรณ์กล่าวต่อไปว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดอื่นๆ ก็จะต้องมีการพูดคุยกันในภายหลัง แต่ปรัชญาทางการเมืองที่ตนรู้จักกับสุวัจน์ และช่วงที่ตนอยู่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ใกล้ชิดกับพรรคชาติพัฒนา เราทำงานร่วมกันในการกู้วิกฤตพลังงาน ข้อเสนอที่เราได้ทำต่อสังคมในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ อยู่ในหลักปฏิบัตินิยมที่เรานำเสนอความคิดที่สามารถปฏิบัติได้จริง
“ในมุมมองส่วนตัว ผมมองว่าคุณสุวัจน์ยึดหลักปฏิบัติในฐานะนักธุรกิจและนักการเมือง ไม่พูดมากแต่ลงมือทำให้ทุกคนเห็นว่าผลงานทุกอย่างเป็นที่ประจักษ์มาโดยตลอด พวกเรามองถึงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจให้กับประชาชน เราสองคนตัดสินใจง่ายในการที่จะร่วมมือกันทำงาน จากนี้ไปจะร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด โดยมีเป้าหมายชัดเจนเพื่อช่วยให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจ นำไปสู่ความมั่นคงในสังคม” กรณ์กล่าว
ขณะที่สุวัจน์กล่าวอีกว่า เครื่องมือในการแก้ไขปัญหา เราต้องมีระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพ พรรคการเมืองต้องไม่มีความขัดแย้ง เราทำการเมือง 30 ปีอย่างสร้างสรรค์ วันนี้เป็นการมีส่วนผสมที่ลงตัวทางการเมือง การมีทีมเวิร์กที่แข็งแกร่ง เป็นการผสมผสานมืออาชีพด้านเศรษฐกิจและด้านการเมืองเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนตัวคิดว่า ความเป็นทีมเวิร์ก ความเป็นมืออาชีพ บวกกับพรรคการเมืองที่มีประสบการณ์ ทำงานได้ไม่ขัดแย้ง จะพาเราไปสู่ความสำเร็จในการทำงานให้ประชาชน และพรรคชาติพัฒนาต้องการมือเศรษฐกิจ จึงได้เชิญกรณ์มาทำงานกับเรา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคกล้าจะเดินต่อไปอย่างไร กรณ์ระบุว่า มีกฎหมายชัดเจนที่กำกับเรื่องการเมือง การที่ตนมาจับมือกับสุวัจน์เป็นการรวมพลังในการทำงาน ส่วนขั้นตอนทางกฎหมายที่เกี่ยวกับพรรคการเมือง ต้องรอให้เป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งตนก็ต้องขอระมัดระวังในการที่จะพูดถึงรายละเอียด เพราะมันมีประเด็นทางด้านกฎหมายอยู่
“ส่วนพรรคกล้าก็เป็นเรื่องของพรรค ที่มีขบวนการที่ต้องพิจารณาว่าจะปฏิบัติอย่างไรต่อ ขั้นตอนทางกฎหมายจะเป็นตัวกำกับว่าเราจะปฏิบัติอย่างไร ตนและสมาชิกในพรรคกล้า เราพูดคุยประเด็นนี้กันมาโดยตลอด และเราก็เห็นตรงกันว่าเราควรจะเดินหน้ายุทธศาสตร์แบบไหน” กรณ์กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะลาออกจากหัวหน้าพรรคกล้าไหม กรณ์เผยว่า ตนเตรียมการทำงานอย่างเต็มรูปแบบกับพรรคชาติพัฒนา เรื่องที่เกี่ยวกับพรรคกล้า เราจะดำเนินการในส่วนของพรรคกล้า และนี่ไม่ใช่การรวมพรรคแน่นอน
ส่วนกรณ์จะอยู่ในตำแหน่งอะไรนั้น สุวัจน์เผยว่า ตอนนี้กำลังเข้าสู่โหมดการเลือกตั้ง พรรคชาติพัฒนาต้องปรับตัวบุคคล เช่น กรรมการบริหารพรรคที่ลาออกไป 7 คน ดังนั้นเราต้องมีการกำหนดโครงสร้างพรรคใหม่ การแต่งตั้งประธานยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ ประธานยุทธศาสตร์ด้านการเมือง ประธานยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง ประธานยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยี หัวหน้าพรรคจะได้ใช้โอกาสนี้ในการนัดประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่อปรับโครงสร้างและจัดสรรความเหมาะสมของตัวบุคลากร ให้สมาชิกพรรคได้ให้ความเห็นชอบ และสมาชิกส่วนใหญ่จะต้องเห็นบทบาทความสำคัญ ส่วนกรณ์จะอยู่ตำแหน่งอะไรตอนนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ แต่ต้องเป็นตำแหน่งที่มีบทบาทหน้าที่ให้เกิดความมั่นใจ
“ส่วนสูตรหาร 100 เกี่ยวข้องหรือไม่ ทำให้คุณกรณ์มาร่วมกับพรรคชาติพัฒนานั้น หาร 500 หรือ 100 มันต่างกัน เมื่อเรามานั่งคุยกันไม่ว่าจะสูตรไหน การจับมือส่งผลในทางบวกกับโอกาสที่จะทำงานให้ประชาชน สุดท้ายไม่มีผลต่อการตัดสินใจ ส่วนทีมเศรษฐกิจจะมีคนอื่นหรือว่ามาคนเดียว ผมตัดสินใจมาคุยกับพรรคพวกทุกคน และทุกคนเห็นประโยชน์ นี่คือแนวทางที่จะทำให้พวกเราทำงานที่ตั้งใจได้” สุวัจน์กล่าว
ส่วนจะยุบพรรคกล้าไหม สุวัจน์เผยว่า “เราไม่ได้รวมพรรค คุณกรณ์จะต้องรับผิดชอบเรื่องเศรษฐกิจและนโยบาย ถ้าท่านจะเชิญใครมาเพิ่ม หรือพรรคเราซึ่งมีทีมอยู่แล้ว ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ต้องผ่านกระบวนการของพรรคชาติพัฒนาตามขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง”