วันนี้ (14 สิงหาคม) ว่าที่ พ.ต. กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) แถลงข่าวชี้แจงกรณี สว. จำนวนหนึ่ง ได้เข้าชื่อต่อประธานวุฒิสภาขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของ สว. 136 คน สิ้นสุดลงหรือไม่
ว่าที่ พ.ต. กรพด ระบุว่า ตนเองได้รับการชักชวนจาก สว. กลุ่มหนึ่ง โดยได้รับคำอธิบายวัตถุประสงค์ของการดำเนินการครั้งนี้ว่า ประเด็นที่ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญคือไม่ต้องการให้ สว. 136 คนทำหน้าที่เลือกผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักร ไทย พุทธศักราช 2560 ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของวุฒิสภา และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสรรหาและแต่งตั้ง ที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญและกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เฉพาะกรณีนี้เท่านั้น
“ขอเรียนว่าการอยู่ร่วมกันทั้งในสังคมทั่วไปและในสภา ย่อมเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ทุกคนต้องมีเพื่อน ตัวกระผมก็เช่นกัน เมื่อได้รับคำอธิบายจากผู้ที่กระผมคิดว่าเป็นเพื่อนเช่นนั้น จึงมีใจเอนเอียงที่จะช่วย เพราะโดยส่วนตัวแล้วกระผมเห็นว่าการทำหน้าที่เลือกผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ อาจดูเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน กระผมจึงได้ลงชื่อในเอกสารดังกล่าว เป็นลำดับที่ 17”
ว่าที่ พ.ต. กรพด อธิบายว่า ก่อนหน้านั้นได้รับคำอธิบายวัตถุประสงค์ของการเข้าชื่อมาบ้างแล้วว่า มีความประสงค์จะให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเป็นการเฉพาะกรณี ดังนั้นจึงเข้าใจว่าความในเอกสารดังกล่าวจะเป็นถ้อยคำที่มีความหมายเดียวกัน ประกอบกับมีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วน จึงได้ลงนามท้ายเอกสารด้วยความเร่งรีบ โดยมิได้อ่านข้อความในตอนต้นของเอกสาร หลังจากนั้นจึงรีบเดินทางไปจัดการกิจธุระ และได้ทราบในภายหลังว่าความในเอกสารนั้นมิได้ตรงกับคำอธิบายที่เคยได้รับก่อนหน้านั้น และผู้ที่ชักชวนให้ร่วมลงชื่อกลับมิได้ลงชื่อตนเองในเอกสารดังกล่าว
“ด้วยเหตุนี้ กระผมต้องกราบขออภัยพี่น้องสื่อมวลชนที่เข้าไปมีส่วนกับเรื่องนี้ ซึ่งกระผมจะไม่ยอมให้เกิดขึ้นอีก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กระผมมีความตั้งใจและจริงจังในการทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาอย่างเต็มที่ ตามกำลังความสามารถ ในท้ายที่สุดนี้ กระผมขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาด้วยความระมัดระวัง และรอบคอบมากยิ่งขึ้น และขอเรียนสื่อมวลชนทุกท่านว่า กระผมไม่เห็นด้วยกับกระบวนการล่ารายชื่อ ซึ่งอาศัยความไว้วางใจเป็นเครื่องมือ” ว่าที่ พ.ต. กรพด กล่าว
ว่าที่ พ.ต.กรพด ยังยืนยันว่า ไม่ได้ถูกข่มขู่ให้ถอนชื่อแต่อย่างใด เป็นการเข้าใจผิดตั้งแต่ต้น จึงขอถอนชื่อตนเองออกจากคำร้อง