วันนี้ (16 มกราคม) ที่สำนักงานบริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มขายสลากกินแบ่งรัฐบาลออนไลน์ ‘กองสลากพลัส’ พันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ผู้บริหารแพลตฟอร์ม กล่าวถึงการเข้าตรวจค้นของตำรวจและเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา
พันธ์ธวัชกล่าวว่า วันนี้มีหลายหน่วยงานเข้ามาด้วยหมายศาลที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แจ้งความร้องทุกข์กับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลเกินราคา 70 ใบ จากการเข้าตรวจค้นทางเจ้าหน้าที่ได้เก็บสลากชุดดังกล่าวไปได้ 69 ใบ โดยอีก 1 ใบซึ่งเป็นของงวดที่แล้ว ทางกองสลากพลัสได้จัดเก็บไว้อีกส่วนหนึ่ง ต้องใช้เวลาค้นหาตรวจสอบ
ในวันนี้เจ้าหน้าที่ที่เดินทางมาได้ตรวจค้นและเก็บเอกสารไปหลายส่วน แต่จนขณะนี้ยังขอยืนยันว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ได้มีการจำหน่ายสลากเกินราคาตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนตัวไม่ได้กังวลว่าการตรวจค้นครั้งนี้จะสามารถปิดแพลตฟอร์มได้ เพราะที่ผ่านมาถูกยื่นฟ้องปิดแพลตฟอร์มมาแล้ว การตรวจค้นวันนี้ความจริงแล้วได้ตั้งข้อสังเกตว่าเจ้าหน้าที่สามารถทำหนังสือเข้ามาขอสลากไปตรวจได้ ไม่จำเป็นต้องบุกเข้าตรวจค้น
พันธ์ธวัชกล่าวต่อไปว่า สำหรับประเด็นที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยืนยันว่า ทางกองสลากพลัสไม่มีสิทธิ์ในการจำหน่ายลอตเตอรี่ ตนขอยืนยันว่าเรื่องนี้ในฐานะผู้จำหน่ายไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่เช่นนั้นคนเดินขายอีกหลายแสนตามท้องถนนจะต้องผิดกฎหมายด้วย
เช่นเดียวกับที่ทางบริษัททำสื่อโฆษณาตามแพลตฟอร์มต่างๆ จนขณะนี้ตนยังไม่เจอกฎหมายที่เกี่ยวข้องใดๆ ว่าห้ามโฆษณาการค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล ที่ทีมตัดสินใจโฆษณาก็เพราะเคยเห็นข้อความที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่งระบุว่า ‘ช่วยราษฎร เสริมรัฐ ยืนหยัดยุติธรรม’
ประเด็นการตรวจสอบสลากจำนวน 11 ล้านใบ ส่วนนี้ไม่มีอยู่ในหมายศาลที่นำเข้ามาตรวจค้น ฉะนั้นหากจะมีการตัดโควตาต้องย้อนดูว่าผิดหลักกฎหมายใดหรือไม่ ส่วนนี้ตนขอเป็นพยานให้กับเจ้าของโควตา หากจะมีการตัดสิทธิ์ในอนาคต เพราะทางกองสลากพลัสไม่ได้ซื้อกับเจ้าของโควตาสลากกินแบ่งรัฐบาลโดยตรงแน่นอน แต่มาจากยี่ปั๊ว
“ผมเบื่อคำว่ากว้านซื้อ ประเทศนี้ไม่มีกฎหมายห้ามกว้านซื้อ ที่ขายทุกวันนี้ก็มีกลุ่มนายทุน ส่วนใหญ่เป็นการขายกินเปอร์เซ็นต์ ใครบอกคนพิการต้องขายหวย ลองนึกถึงต้นทุนที่แท้จริง 1 เล่มสูงถึง 2 แสนบาท ลอตเตอรี่ถูกกว้านซื้อมานานแล้ว ตนแค่เปลี่ยนวิธีให้ทุกอย่างง่ายขึ้น ยอมรับว่ากว้านซื้อ” พันธ์ธวัชกล่าว
พันธ์ธวัชกล่าวต่อไปว่า ส่วนที่หลายคนตั้งข้อสงสัยว่ารู้จักและมี แทนไท ณรงค์กูล เป็นแหล่งทุน ตนยอมรับว่ารู้จักกันมาประมาณปีกว่า เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564 และยืมเงินเพื่อมาทำธุรกิจ ทราบว่าเงินที่ได้ยืมมามาจากการเทรดคริปโตเท่านั้น ดอกเบี้ยที่จ่ายเป็นไปตามกฎหมาย 15% ทั้งนี้ ศาลไม่ตัดสินว่าแทนไทผิดกฎหมายใด นั่นหมายถึงตัวเขายังเป็นผู้บริสุทธิ์
ส่วนที่มีการหยิบประเด็นการขายสลากผ่านแพลตฟอร์ม ‘เป๋าตัง’ ต้องถือว่าแพลตฟอร์มดังกล่าวเป็นคู่แข่งทางการค้า ทางนั้นก็มีค่าบริการในส่วนการขึ้นเงินเมื่อถูกรางวัล แค่ตนรวมเรื่องค่าบริการแพลตฟอร์มไปตั้งแต่การซื้อแล้ว ทั้งนี้ การคิดค่าบริการมีต้นทุน มีการชำระภาษี ทุกอย่างมีหลักฐาน
“ประเด็นที่บอกว่าแพลตฟอร์มสุ่มเสี่ยงขายให้เด็กต่ำกว่า 20 ปี หรือไม่นั้น ทางเว็บไซต์มีข้อตกลงก่อนการใช้งานกับผู้ซื้อแล้ว ทั้งนี้ ทางเป๋าตังเองสามารถยืนยันได้หรือไม่ว่าคัดกรองได้ละเอียด ครอบคลุมเช่นกัน” พันธ์ธวัชกล่าว
พันธ์ธวัชกล่าวอีกว่า การรับรางวัลที่ผ่านมาตนได้เป็นตัวแทนของผู้ถูกรางวัลเช่นกัน ถ้าจะผิดกฎหมายคนที่อยู่ริมทางรับแลกเงินคงผิดเช่นกัน ส่วนเรื่อง ‘เอ็ดดี้’ เป็นการรู้จักกันมานานแล้ว เคยทักทายแบบเป็นกลุ่ม แต่ไม่เคยรู้ข้อมูลส่วนตัวหรือกู้ยืมเงินทำธุรกิจ
ทั้งนี้ พันธ์ธวัชยังกล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ตนตั้งใจไว้นานแล้วว่าจะหันมาทำงานด้านการเมือง เพราะตั้งใจที่จะแก้ปัญหาสลากแพง ซึ่งมองว่าต้องทำผ่านนโยบายทางการเมือง วันนี้จึงถือเป็นโอกาสที่ตนจะเปิดเผยว่า ตนได้ไปยื่นจดแจ้งจัดตั้งพรรคการเมืองไว้ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2565 ในชื่อพรรค ‘เปลี่ยน’ มีสโลแกนว่า เปลี่ยนเพื่ออนาคต เปลี่ยนได้ถ้ากล้าพอ ตอนนี้อยู่ระหว่างรอสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประชุมรับรองการจัดตั้งพรรคการเมืองอยู่ ซึ่งเมื่อได้รับการรับรองแล้ว ตนก็จะเปิดแพลตฟอร์มให้ประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นในการที่จะกำหนดนโยบายของพรรค ซึ่งจะเน้นการให้ประชาชนมีปากเสียงในการแก้ปัญหาในสังคม
โดยปัญหาแรกที่จะมุ่งทำคือเรื่องลอตเตอรี่ ซึ่งตนอยากช่วยเหลือคนขายลอตเตอรี่กว่า 2 แสนคน ที่เข้าไม่ถึงลอตเตอรี่ราคาถูก เพราะคนที่ได้โควตาจริงๆ ผูกขาดอยู่ไม่กี่คน และหากตนเดินหน้าทำงานการเมืองเต็มที่ ก็พร้อมวางมือจากธุรกิจที่ทำอยู่