×

‘เพื่อไทยกำลังถูกด่าเกินเบอร์’ เสียงจาก กงลี่ FC เพื่อไทย ไม่ว่าพรรคจะจับมือกับใคร พร้อมเข้าใจเสมอ

21.08.2023
  • LOADING...

THE STANDARD สัมภาษณ์ กงลี่-อรุณวตี ฉัตรเท นักเขียนนิยาย นักร้อง และอดีตนักแสดง โดยเป็นผู้ที่ให้ความสนใจด้านการเมือง และนิยามตัวเองเป็น ‘คนเสื้อแดงเพื่อไทย’ เพื่อความชัดเจน เนื่องจากปัจจุบันคนเสื้อแดงมีหลายเฉด สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายกลุ่ม

 

กงลี่เป็นหนึ่งในคนที่ยังยืนยันเป็น ‘FC พรรคเพื่อไทย’ ไม่ว่าพรรคจะตัดสินใจอย่างไร จะจับมือร่วมรัฐบาลกับพรรคไหนก็ตาม เพื่อที่จะให้พรรคมีอำนาจบริหารประเทศได้ เธอบอกว่าเธอไม่ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เพราะไม่ได้ต้องการเพียงแค่ฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่ สส. ฝ่ายค้าน ทำหน้าที่แฉเรื่องต่างๆ แต่ไม่มีอำนาจบริหารที่จะไปผลักดันเปลี่ยนแปลงอะไรได้

 

คุณกงลี่ผูกพันพรรคทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่ยุคไหน หากนับตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และล่าสุดคือพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน 

 

กงลี่: พี่รู้จักพรรคนี้ตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทย เลือกตั้งก็เลือกมาตั้งแต่เป็นไทยรักไทย เดิมทีไม่อินการเมือง แต่ติดใจเรื่องความยุติธรรมทุกเรื่องที่ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับ ทักษิณ ชินวัตร หรือประชาชน ซึ่งการรัฐประหารก็ถือว่าไม่ยุติธรรมกับประชาชน และปัจจุบันคนในพรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้รับความยุติธรรมจากการถูกกล่าวหาต่างๆ

 

แต่ถ้าย้อนไปช่วงสมัยเรียนมัธยมปลาย เริ่มรู้สึกว่าการเมืองมีผลตอนรัฐประหารเมื่อปี 2534 ก่อนเกิดเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2535 และเริ่มตระหนักรู้แล้วว่าการเมืองมีผลกับชีวิต จึงค่อยๆ ติดตามการเมืองมาเรื่อย แล้วมารู้สึกเข้มข้นตอนมี นปช. มีคนเสื้อแดง หลังมีการเคลื่อนไหวของคนเสื้อเหลืองและรัฐประหารปี 2549 

 

นิยามตัวเองว่าอย่างไร 

 

กงลี่: ตัวพี่มองตัวเองเป็นคนเสื้อแดง ‘แดงเพื่อไทย’ หรือ FC เพื่อไทย ก็ใช่ เพราะตอนนี้มีแดงหลายเฉด มีแดงกินส้ม, แดง นปช. อะไรสารพัด ส่วนที่ถูกเรียก ‘นางแบก’ ฟังแล้วรู้สึกไม่เป็นไร แบกก็แบก 

 

มีคำว่าอะไรที่หากถูกเรียกแล้วจะรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง 

 

กงลี่: มีหลายคำ ถูกเรียกตั้งแต่ขี้ข้าทักษิณ, ควายแดง, ไพร่ ตอนนี้ก็นางแบก คำเหล่านี้คนอื่นเขาสถาปนาให้เรานะ ถ้าเราจะเรียกตัวเองแบบนี้พี่ก็ไม่เรียก แต่สรุปใครอยากเรียกอะไรก็เรียกมา แต่เรารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ 

 

อย่างเมื่อก่อนมีคำว่าควายแดง คนเสื้อแดงก็ทำตุ๊กตาควายแดงขายในม็อบ เพราะคนเสื้อแดงไม่สลดกับอะไรแบบนี้ เราเป็นแบบนี้ ถูกว่าเป็นควายแดงหรือขี้ข้าทักษิณ จะว่าอะไรก็ว่าไป อยากให้เป็นอะไรก็เป็น 

 

แต่จะมาบอกว่าเป็น ‘สลิ่ม’ ไม่เอานะ เราไม่ใช่ ไม่เคยเป็น เพราะเดบิวต์มาเป็นควายแดง เป็นขี้ข้าทักษิณ ไม่เป็นขี้ข้าคนอื่น

 

มีเหตุการณ์ไหนไหมที่รู้สึกว่า ‘พรรคทักษิณ’ ไม่ว่าจะพรรคไทยรักไทย, พรรคพลังประชาชน หรือพรรคเพื่อไทย ทำผิดพลาดในเรื่องอะไร

 

กงลี่: ไม่มี เพราะทุกการตัดสินใจของพรรคเป็นเรื่องเข้าใจได้ มันมีที่มาที่ไป ถ้าติดตามการเมืองก็จะรู้ที่มาจนมาถึงวันนี้ จึงไม่เคยผิดหวังว่ามีอะไรที่พรรคไม่น่าทำ

 

บางคนผิดหวังเรื่องนิรโทษกรรมสุดซอย ปี 2556

 

กงลี่: พี่ไม่ผิดหวัง พี่ถูกทัวร์ลงและยังเชียร์นิรโทษกรรมสุดซอย เพราะรู้สึกว่าอยากจะให้คนที่อยู่ในคุกได้รับความเป็นธรรม คนที่โดนคดีหรืออะไรที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมควรได้รับความเป็นธรรม ซึ่งคุณทักษิณก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย 

 

เพราะฉะนั้นการออก พ.ร.บ.นี้ จะนับรวมคุณทักษิณหรือไม่ อานิสงส์นี้ก็จะทำให้เพื่อนๆ เราที่อยู่ในคุกหรือบางคนที่มีคดีทั้งที่ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุด้วยซ้ำ ก็จะได้ออกมาใช้ชีวิตข้างนอก ขณะที่การต่อต้านนิรโทษกรรมมันแรงมาก แรงจนเราไม่อยากพูดให้ทะเลาะขัดใจกับเพื่อน

 

ในมุมพี่ไม่แยกผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนกับแกนนำหรือกับนักการเมือง เพราะคุณทักษิณก็คือประชาชน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็คือประชาชน อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ก็คือประชาชน 1 สิทธิ 1 เสียง เราสู้เพื่อคนเท่ากันไม่ใช่เหรอ ทุกคนคือประชาชน 

 

เพราะฉะนั้นพี่มองว่าคนผิดต้องได้รับโทษเป็นเรื่องที่ถูกต้อง แต่เมื่อยังไม่สามารถดำเนินคดีได้ ก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนเราให้ออกมาใช้ชีวิต แล้วค่อยๆ ทำอะไรต่อไป 

 

ล่าสุดพรรคเพื่อไทยถูกมองว่าพลิกขั้ว ในมุมมองของคุณกงลี่มองแบบนั้นไหม 

 

กงลี่: พี่เข้าใจพรรคเพื่อไทยจึงไม่ได้รู้สึกผิดหวัง แล้วก็ไม่ได้ติดอยู่ตรงคำว่าพลิกขั้ว เพราะถ้านับว่านี่คือพลิกขั้วก็ไม่ได้หมายความว่าเพื่อไทยเท่านั้นที่พลิก พรรครัฐบาลเดิมก็พลิกเหมือนกัน เพราะรอบที่แล้วเพื่อไทยก็เป็นฝ่ายค้าน อยู่ตรงข้ามกับพวกเขา 

 

เพราะฉะนั้นพี่ไม่ได้รู้สึกอะไรตรงนี้ ยกเว้นความเก่าก่อนที่มีเรื่องราวกันมา อันนั้นอย่างไรก็รู้สึกอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ถ้าอยากเดินไปข้างหน้าพี่ไม่ติดใจเรื่องนี้ 

 

คนเสื้อแดงหลายคนแสดงความผิดหวังมาก รับไม่ได้ที่พรรคเพื่อไทยไปรวมกับพรรคภูมิใจไทยและพรรค 2 ลุง (พลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ) 

 

กงลี่: พี่ก็ไม่ได้อยากรวมกับพรรคเหล่านั้น พี่ก็อยากได้รัฐบาลที่หน้าตาสวยงาม เป็นหน้าตาที่เราภูมิใจ แต่ในเมื่อผลเลือกตั้งไม่แลนด์สไลด์ ไม่สามารถตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ แล้ว พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ได้เสียงจาก สว. ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วทีนี้จะทำอย่างไรต่อไป คนที่ต่อว่าพรรคเพื่อไทยก็ไม่มีการเสนอทางออก

 

ส่วนข้อเสนอที่บอกว่ารออีก 10 เดือน โหวตพิธาไปเรื่อยๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า สำหรับพี่มองว่าไม่ใช่ทางออก เพราะชาวบ้านเขารอไม่ได้ แล้วภายใน 10 เดือนนี้พรรครัฐบาลเดิมเขาจะอยู่เฉยๆ เหรอ 

 

ต่อให้สมมติรอ 10 เดือนแล้วได้รัฐบาลพิธาแน่นอน แต่คำถามคือ เราควรจะต้องรอขนาดนั้นไหม แล้วไม่ใช่ว่าพอ 10 เดือนปุ๊บทุกอย่างจะถูกเสกขึ้นมาได้หมด กว่าจะทำอะไรทั้งทางการบริหารนโยบายหรือการร่างกฎหมายไม่รู้จะถูกเลื่อนไปอีกเมื่อไร การรอจึงไม่ใช่ทางออก 

 

ความคาดหวังว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลต้องทำอะไรไปในทางเดียวกันแบบข้าวต้มมัดหรือสามี-ภรรยากัน

 

กงลี่: ถ้าคาดหวังว่าต้องทำอะไรเหมือนกันก็ยุบพรรครวมกันไปเลยไหมล่ะ พี่ไม่ซื้อไอเดียที่มาเปรียบเทียบเป็นสามี-ภรรยาตั้งแต่แรกแล้ว 

 

พี่รู้สึกว่าทำไมการร่วมรัฐบาลรอบนี้ถึงยากที่สุดในทุกๆ สมัยที่มีการร่วมรัฐบาลมาเลย ต้องยอมรับว่ารัฐบาลผสมไม่ใช่ของใหม่ เมื่อก่อนก็รัฐบาลผสม นักการเมืองบางคนบอกว่าทำงานการเมืองมา 40 ปีไม่เคยต้องเซ็น MOU ที่ผ่านมาเขาก็อยู่กันได้ บริหารกันได้ 

 

การเมืองเป็นเรื่องปกติ สส. หมดสมัยจะย้ายค่ายเพราะมีเรื่องไม่ถูกใจหรือในพื้นที่มีปัญหา ไปสังกัดพรรคใหม่สมัยหน้าก็เป็นเรื่องธรรมดา จะมามองแบ่งเป็นขั้วประชาธิปไตยกับขั้วเผด็จการก็ไม่ใช่ 

 

เพราะครั้งนี้ไม่เหมือน 9 ปีที่แล้ว 9 ปีที่แล้วเรามองว่าเขาเป็นเผด็จการได้เพราะว่าเขามาจากการรัฐประหาร แต่ตอนนี้ทุกพรรคเลือกตั้งเข้ามา ไม่ว่าแบ็กกราวด์แต่ละพรรคจะมีพื้นฐานมาจากอะไรก็ตาม แต่เราเลือกตั้งในกติกาเดียวกัน 

 

ฉะนั้นทำไมจึงไปแบ่งฝ่ายเทพ-ฝ่ายมาร ฝ่ายซ้าย-ฝ่ายขวา ฝ่ายประชาธิปไตย-ฝ่ายเผด็จการ ขณะที่ทุกพรรคหน้าฉากก็ได้รับการเลือกตั้ง ไม่ได้รัฐประหารมา ก็ประชาธิปไตยทั้งนั้น

 

ไม่เห็นด้วยถ้าใครจะมองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นตัวร้าย 

 

กงลี่: พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ตัวร้ายอยู่แล้ว ในเมื่อพรรคก้าวไกลทำไม่สำเร็จเอง แล้วเพื่อไทยผิดอะไร ถ้ามาว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นตัวร้ายก็ไม่แฟร์

 

พรรคเพื่อไทยหาเสียงอย่างหนึ่งแล้วทำอีกอย่าง เช่น ไล่หนู ตีงูเห่า แต่ตอนนี้เพื่อไทยไปจับมือกับหนูแล้ว

 

กงลี่: ‘ไล่หนู ตีงูเห่า’ เป็นสโลแกนบนโปสเตอร์หาเสียง คนที่ควรจะโกรธคือ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าหนูก็ไม่มีปัญหาที่จะร่วมรัฐบาลเพื่อไทย 

 

สมมติ หนู อนุทิน ผูกใจเจ็บตอนหาเสียง แล้วตอนพรรคเพื่อไทยติดต่อไป อนุทินก็คงไม่มาจับมือ เพราะโกรธพรรคเพื่อไทยเรื่องไล่หนู ตีงูเห่า แต่สุดท้ายอนุทินก็มาพรรคเพื่อไทยเอง มากินมินต์ช็อกหน้าตาเอร็ดอร่อยมาก

 

แล้วทีพรรคก้าวไกลตอนหาเสียงก็โจมตีพรรคเพื่อไทยมาตลอด มีแฮชแท็กเลือกเพื่อไทยได้ประวิตร (วงษ์สุวรรณ) เป็นนายกฯ ก้าวไกลตอนหาเสียงมาพูด “อิ๊งๆ ป้อมๆ” อะไรบนเวทีปราศรัยสามย่านมิตรทาวน์ เพื่อไทยหลังเลือกตั้งตอนแรกก็ยังไปจับมือกับก้าวไกลเลย 

 

พี่ถึงได้แซวว่า เวทีนั้นที่สามย่านมิตรทาวน์คือสามย่านมิดด้าม มิดด้ามคือด้ามมีดที่แทงเพื่อไทยมิดด้ามเลย

 

แล้วเวทีไล่หนู ตีงูเห่า บนเวทีเพื่อไทย ไม่ได้มีใครไปยืนด่าอนุทินมากเท่ากับเวทีล่าสุด เวทีหาเสียงเลือกตั้งซ่อมจังหวัดระยอง พรรคก้าวไกลยังมีคนด่าพรรคเพื่อไทยมากกว่าด้วยซ้ำ พี่รู้ พี่ฟังเวทีปราศรัยทุกเวที

 

 

ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อพรรคเพื่อไทยอีกเรื่องคือ บอกว่าพรรคข้ามศพคนเสื้อแดงไปจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายตรงข้ามเพื่อมีอำนาจ คุณกงลี่ในฐานะมีญาติที่เสียชีวิตในเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 มองเรื่องนี้อย่างไร 

 

กงลี่: พี่มีญาติห่างๆ ซึ่งรุ่นพ่อเขาสนิทกัน พี่ไม่เคยเจอลุงคนนี้ แต่ลุงก็เป็น 1 ใน 99 ศพ พี่เชื่อว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่ใช่การข้ามศพคนเสื้อแดง พี่คิดและพูดแทนญาติวีรชนส่วนหนึ่งด้วย เมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา ญาติวีรชนหลายคนก็ไปให้กำลังใจพรรคเพื่อไทย ซึ่งพี่คิดว่าเขาน่าจะคิดตรงกับพี่เหมือนกัน เพราะว่าถ้าเขารู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องผิดต่อคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตไป เขาคงไม่ไปให้กำลังใจที่พรรคเพื่อไทย 

 

ส่วนคดีของคนเสื้อแดง ถ้าจะทำอะไรที่เป็นรูปธรรมต่อไปได้ก็ต้องมีอำนาจรัฐก่อน เหมือนตอน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี แล้วเขาอนุมัติเงินเยียวยา ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำอะไรให้คนบาดเจ็บสูญเสีย เขาทำมาแล้ว พี่คิดว่าถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ได้อำนาจรัฐ แล้วจะไปเรียกร้องความเป็นธรรมได้อย่างไร 

 

เพียงแต่การได้อำนาจรัฐครั้งนี้โจทย์มันยาก ก็ต้องทำแบบนี้ พี่ถึงบอกว่าพี่เข้าใจพรรคเพื่อไทย ไม่ได้หมายความว่าโอเคกับทุกพรรค เพียงแต่เงื่อนไขตอนนี้ทำได้แค่นี้ 

 

ไม่ต้องการให้เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน

 

กงลี่: ไม่ต้องการให้เพื่อไทยเป็นฝ่ายค้าน เพราะไม่มีประโยชน์ เราเป็นฝ่ายค้านมา 9 ปีแล้วทำอะไรได้บ้าง แล้วดูการบริหารจัดการเรื่องโควิด พี่เชื่อว่าถ้าเป็นรัฐบาลปกติเราจะไม่ถูกขังอยู่ในบ้านเป็นปีๆ แบบนั้น หน้ากากอนามัยจะราคาไม่ขึ้นกล่องละเป็นพัน ธุรกิจจะไม่เจ๊ง 

 

ถึงแม้พรรคที่เพื่อไทยกำลังจะไปร่วมรัฐบาลจะเป็นพรรคที่อยู่ในรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่พี่เชื่อว่าถ้าผู้นำไม่ใช่ พล.อ. ประยุทธ์ การบริหารก็จะไม่เละเทะขนาดนี้ ไม่ว่าผู้นำรัฐบาลจะเป็นเพื่อไทยหรือก้าวไกล เชื่อว่าเหตุการณ์ก็จะไม่เกิดขึ้นอย่างสมัยรัฐบาลประยุทธ์ที่ปล่อยปละละเลยขนาดนั้น 

 

ถ้าเพื่อไทยไม่มีอำนาจรัฐ เราจะไม่ได้อะไรเลย แล้วประชาชนจะลำบากในทุกเรื่อง 

 

ในฐานะ ‘คนเสื้อแดงเพื่อไทย’ ไม่ต้องการเพียงฟังอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจากฝ่ายค้าน

 

กงลี่: ใช่ ไม่ได้ต้องการให้พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านแล้วทำได้เพียงอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ไม่ได้ต้องการฟังการแฉแล้วสะใจหรือคิดว่าจะได้ฟังเรื่องที่ไม่มีใครกล้าพูด แล้วหลังจากนั้นก็รอแฉเรื่องอื่นๆ อีก แต่ไม่มีอำนาจบริหาร ก็แก้ไขอะไรไม่ได้ 

 

ต่อให้เพื่อไทยจะขะมุกขะมอม แต่ถ้ามีอำนาจรัฐก็เชื่อว่าจะไปแก้ปัญหาได้ในอนาคต 

 

ข้อกล่าวหา ‘ตระบัดสัตย์’

 

กงลี่: ไม่ได้รู้สึกว่าพรรคเพื่อไทยตระบัดสัตย์ เพราะเวลานักการเมืองพูดตอนหาเสียงกับเงื่อนไขหลังเลือกตั้งมีความแตกต่างกัน ถ้าหลังเลือกตั้งผลออกมาแลนด์สไลด์ก็ไม่ต้องไปง้อพรรคอื่น 

 

แต่เมื่อหลังเลือกตั้งผลออกมาเป็นแบบนี้ สิ่งที่เคยพูดไปบางอย่างอาจจะไม่สามารถทำได้ เช่นเดียวกับกรณี พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถ้าได้รับการโหวตผ่านเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่รอบแรก ก็จะไม่เกิดสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ 

 

ไม่ใช่ว่าหลังเลือกตั้งแล้วพรรคเพื่อไทยไปตั้งรัฐบาลแข่งกับก้าวไกล แต่ที่ผ่านมาก็ได้พยายามสนับสนุนพรรคก้าวไกลแล้ว 

 

พี่รู้สึกว่าตอนนี้พรรคเพื่อไทยกำลังถูกด่าเกินเบอร์ พี่ติดอยู่ตรงความไม่ยุติธรรม มันแฟร์ไหม มันไม่แฟร์ อย่างพรรคก้าวไกลบอกว่าจะไม่ยกมือให้เพราะเพื่อไทยไม่ได้ทำตามเงื่อนไข แต่พี่ถามหน่อย แล้วที่เพื่อไทยยกมือให้ก้าวไกลมา 3 ครั้ง เพื่อไทยไม่แตกแถวเลย ให้เต็ม 

 

แล้วก้าวไกลจะไม่ยกมือให้เพื่อไทยในครั้งหน้าก็ไม่ผิด แต่ถามหน่อยว่าในอนาคตไม่ว่าก้าวไกลจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล พอถึงเวลายื่นญัตติขึ้นมา เมื่อคนอื่นเคยยกมือให้ แต่ตัวเองไม่ยกมือให้คนอื่น แล้วใครจะทำงานด้วย พรรคอื่นเขาสยองกันไปหมด นี่เป็นเรื่องการทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เรื่องขาวหรือดำ ถูกหรือผิด 

 

เพราะฉะนั้นไม่ได้รู้สึกว่าพรรคเพื่อไทยหักหลัง ทรยศ หรือตระบัดสัตย์ เพราะสิ่งที่เขาพูดแต่ละครั้งมีที่มาที่ไปที่เข้าใจได้ หลังเลือกตั้งก็เคยสนับสนุนก้าวไกลเต็มที่มาแล้ว อยากให้ช่วยเข้าใจกันตรงนี้ 

 

ถ้าไม่เชื่อถือในคำพูดของนักการเมืองตอนหาเสียงที่มีสีสันการแสดงต่างๆ แล้วให้คุณค่าหรือเชื่อมั่นกับเรื่องอะไร

 

กงลี่: เชื่อมั่นเรื่องนโยบายกับผลงาน อย่างพรรคเพื่อไทยที่พี่ยังเชื่อมั่นเพราะนโยบายเขาดีและพี่เข้าใจนโยบายเขาได้ แล้วเขาเคยทำได้มาแล้ว พี่ก็เลยมั่นใจ แล้วโดยนิสัยของพี่ ไม่ได้ฝากความหวังอะไรไว้ที่ใคร ดังนั้นเมื่อถามเรื่องผิดหวังหรือไม่ ก็ไม่ได้รู้สึกผิดหวัง เพราะไม่เคยเอาความหวังตัวเองไปใส่บ่าทักษิณ อุ๊งอิ๊ง หรือพรรคเพื่อไทย 

 

รู้สึกว่าตัวเองกับพรรคเพื่อไทยเหมือนเราเป็นเพื่อนกัน เขาทำอะไรได้แค่ไหนพี่ก็ไม่ได้ผิดหวัง เขาเคยทำได้มาแล้ว ได้ใช้ 30 บาทรักษาทุกโรค One Stop Service ไปทำพาสปอร์ตก็เร็ว เศรษฐกิจก็ดี ไปร้องเพลงก็ทิปเยอะแยะ 

 

ทักษิณกลับบ้าน รู้สึกอย่างไรกับดีลนี้ เอาเสียงประชาชนไปต่อรองหรือไม่ 

 

กงลี่: คุณทักษิณกลับมาเลย คิดถึง เขาควรจะได้กลับบ้าน ส่วนเรื่องการต่อรอง ถ้าเขาต่อรองได้เขาคงกลับมานานแล้ว ถ้าเขาดีลได้จริงสลิ่มคงจะไม่เรียกเขาว่า ‘เจ้าพ่อดีลล่ม’ ก็แสดงว่าเขาดีลไม่ได้ สลิ่มก็ด่าเองว่าทักษิณถูกหลอก หรือเอาเสียงประชาชนไปแลก 

 

ถ้าเอาเสียงประชาชนไปแลกได้จริง คุณทักษิณคงกลับมาได้ตั้งนานแล้ว เพราะเมื่อก่อนคะแนนเสียงเขาเยอะกว่านี้อีก แล้วตามกฎหมายคุณทักษิณก็ไม่เกี่ยวกับพรรค ถ้าจะบอกว่าคุณทักษิณมีบารมีในพรรคเพื่อไทย มองว่าพรรคอื่นก็มีคนมีบารมีในพรรค ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็มีบารมี 

 

ถ้าจะหาว่าพรรคเพื่อไทยเอาเสียงประชาชนไปแลก แล้วแลกอย่างไร แลกกับใคร

 

นอกจากเป็นสมาชิกพรรคแล้ว เคยมีตำแหน่งอะไรหรือไม่ 

 

กงลี่: พี่กงลี่ไม่เคยมีตำแหน่งอะไรในพรรค ไม่เคยทำงานในพรรคเลย แล้วเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยโดยไปสมัครพร้อมท่านทูต รัศม์ ชาลีจันทร์ สมัครสมาชิกพรรค แต่ว่าจะไปสมัครตลอดชีพเร็วๆ นี้ ซึ่งการสมัครสมาชิกพรรคเป็นอะไรที่เราต้องจ่ายเงินให้พรรค ไม่ใช่สมัครแล้วจะได้เงิน พรรคทวงเงินด้วย วันนั้นไม่มีเงินสด จะโอนจ่ายก็ไม่ได้ พรรคให้จ่ายเป็นเงินสด (หัวเราะ)

 

ในฐานะที่เป็นนักเขียนนิยาย ในมุมคุณกงลี่พรรคเพื่อไทยเป็นตัวเอกหรือตัวร้าย หรือเป็นตัวอะไร

 

กงลี่: เพื่อไทยไม่ใช่ตัวเอก แต่เพื่อไทยเป็นคุณนมแก่ๆ ในบ้านทรายทองที่ต้องเลี้ยงชายน้อย คือเพื่อไทยเป็นทาสในเรือนเบี้ย เป็นอีเย็น เป็นแม่นม เป็นบ่าวไพร่ในเรือน เพราะเจ้าขุนมูลนายเขาจะมาลงที่กระโถนเพื่อไทย ถ้าเล่นละครจักรๆ วงศ์ๆ เพื่อไทยคือกระโถนในท้องพระโรง ไม่ได้เป็นปุโรหิต ไม่ได้เป็นพระมเหสี ไม่ได้เป็นอำมาตย์อะไรเลย อาจจะเป็นนางพัดโบก ถ้าเทียบละครหลังข่าว ดาวพระศุกร์ ดอกโศกคือตัวละครที่อยู่ในครัวเรือน 

 

ทำไมไม่ได้เป็นพระเอกหรือนางเอกในสายตาคุณกงลี่ 

 

กงลี่: ก็ดู ‘สารรูปสารร่าง’ จะเป็นตัวเอกได้อย่างไร ดูสะบักสะบอมไปหมด (หัวเราะ) แถลงข่าวแต่ละครั้ง ดูหน้าหมอชลน่าน ดูหน้าภูมิธรรม ดูหน้าอุ๊งอิ๊ง ดูหน้าเศรษฐา เศรษฐามาใหม่ยังเครียดเลย 

 

มองตัวเองเป็นอะไรกับพรรคเพื่อไทยและทักษิณ

 

กงลี่: พี่รู้สึกว่าเขาเป็นเพื่อน เป็นเพื่อนที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบ เป็นเพื่อนที่เป็นมนุษย์ เป็นเพื่อนที่บางวันเพื่อนก็ปากไม่ดี บางวันเพื่อนก็ทำอะไรสะดุด เงอะงะ โก๊ะกัง แต่ก็เป็นเพื่อนที่เห็นอกเห็นใจกันมา ร่วมชะตากรรมกันมา อยู่กันมา พี่เห็นเขาเป็นเพื่อน จึงไม่ได้คิดว่าต้องทิ้งกันไปไหน ส่วนพรรคอื่นไม่ได้รู้สึกสนิทหรือเป็นเพื่อนตัวเอง

 

ที่พี่บอกจุดยืนนี้ หมายถึงว่าพี่อยู่ในจุดที่ถูกกระทำ อยู่ร่วมกับเพื่อไทยซึ่งเป็นเพื่อน พี่ก็มองว่าประเด็นคือตรงนี้ แต่คนอื่นอาจจะมองว่าเพื่อไทยเป็นตัวร้าย เป็นพระเอก เป็นนางเอก ก็แล้วแต่ 

 

พี่มองว่าสิ่งที่เขาถูกกระทำทุกวันนี้ ถ้าเปรียบเป็นตัวละครจะเป็นตัวอะไร ก็เป็นทาสในเรือนเบี้ยนี่แหละ นับตั้งแต่รับบทข้าวต้มมัดแล้วล่ะ นั่นมันบทแม่นมชายน้อยชัดๆ ไม่ใช่แม้แต่บทพจมานหิ้วชะลอมเข้ามาบ้านทรายทอง ไม่ใช่เลย 

 

แม้จะเป็น ‘FC เพื่อไทย – เสื้อแดงเพื่อไทย’ ก็ไม่ได้มองพรรคเพื่อไทยเป็นตัวเอกในเวลานี้ 

 

กงลี่: ถ้าแยกสิ่งที่อยากให้เป็นกับสิ่งที่เรามองเห็น แน่นอนเราอยากให้เขาเป็นพระเอก-นางเอก แต่มันเป็นไม่ได้ตอนนี้ เพราะว่าสิ่งที่เป็นอยู่เป็นแบบนี้เราก็ต้องช่วยเพื่อนแต่งตัว รีแบรนด์ พาเพื่อนไปแต่งหน้า-ทำผมร้านชลาชล แต่งหน้า-ทาปาก ซึ่งมันไม่ใช่วันนี้หรอก ดูได้เลย ไม่ใช่วันนี้ 

 

‘สู้ไปกราบไป’ ข้อกล่าวหาต่อพรรคเพื่อไทย ขณะที่ตัวทักษิณโพสต์ภาพกราบตลอด อาทิ ได้สมรสพระราชทาน และทักษิณไม่เคยท้าทายเบื้องสูง แต่แฟนคลับผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมีหลากหลายเฉด บางเฉดอยากปฏิวัติหรือก้าวไปไกลยิ่งกว่าพรรคก้าวไกลก็มี คุณกงลี่มองเรื่องนี้อย่างไร

 

กงลี่: พี่พูดแทนคุณทักษิณไม่ได้ แต่เอาเป็นว่าคุณทักษิณ เพื่อไทย และควายแดงเฉดพี่ เฉดขี้ข้าทักษิณ จะเรียกว่าทักษิณและขี้ข้าของเขาก็ได้ (หัวเราะ) ก็ถูกด่ามาตลอดว่าสู้ไปกราบไป เพราะฉะนั้นเขาเคยด่ามาตลอดอยู่แล้ว วันนี้จะมาด่าอะไรอีก พี่คิดว่าเป็นการกล่าวหาของคนที่คาดหวัง แต่ส่วนตัวพี่อย่างที่บอก พี่ไม่เอาอะไรไปใส่บ่าคุณทักษิณ เพราะฉะนั้นคุณทักษิณจะกราบ เราก็ไม่ได้ติดใจ ไม่มีปัญหาอะไร 

 

ส่วนคนที่เขาเป็นเฉดที่อยากปฏิวัติ แล้วไปโกรธคุณทักษิณว่าสู้ไปกราบไป ทั้งที่ตัวเองก็บอกเองว่าคุณทักษิณเป็นพ่อค้า กล่าวหาว่าคุณทักษิณชอบต่อรอง เป็นนักธุรกิจ ไม่สู้ ก็ในเมื่อมองคุณทักษิณแบบนี้อยู่แล้ว แล้วไปโกรธเขาทำไม ไปคาดหวังเขาทำไม ทำไมไม่ลุยเข้าไปคนเดียวล่ะ หรือไปหาผู้นำทางจิตวิญญาณที่บุกตะลุยฝ่าฟันทะลุอะไรก็ทะลุไป 

 

การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกล เป็นเรื่องที่น่าดีใจ ประชาชนจะได้มีตัวเลือก เพราะฉะนั้นจะมาด่าบีบคอให้คุณทักษิณสู้อย่างที่จะตัวเองอยากจะสู้ พี่มองว่ามันไม่แฟร์ 

 

เรามองการเมืองให้เป็นธรรมชาติของการเมือง เรามองวิถีชีวิตให้เป็นธรรมชาติมนุษย์ อย่าไปประดิษฐ์ อย่าไปวาดภาพเกินความเป็นจริง มองไปตามความเป็นจริง มองไปทีละช็อต แล้วแก้ปัญหาไป เพื่อให้เราหลุดจากหล่มนี้ไปก่อน อย่าเพิ่งต่อว่ากันตั้งแต่ต้น อย่าติเรือทั้งโกลน อย่าผลักมิตรเป็นศัตรู อย่าเอาแต่ใจ ค่อยๆ ดูไป 

 

เพราะหลายอย่างอาจจะทำไม่ได้ในวันนี้ ถ้าเป็นเด็กไม่ได้ของเล่น ไปร้องกรี๊ดกลางห้าง แล้วพ่อ-แม่ไม่มีเงินซื้อให้ อย่างไรก็ยังไม่ได้ในวันนี้ อย่าไปมองใครเป็นศัตรู เพราะวันหนึ่งก็อาจต้องมาร่วมงานกับเขา จะมองหน้ากันไม่ติด แต่ในเรื่องความถูก-ผิด ในเรื่องคดีความเก่าก่อนที่จะต้องดำเนินการต่อ ก็ต้องใช้ความอดทน ใช้สติที่ต้องดำเนินไป ไม่มีใครแฮปปี้กับรัฐบาลหน้าตาแบบนี้ หลังเลือกตั้ง 3 เดือนแล้วยังไม่มีนายกฯ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยอมตั้งรัฐบาล ไม่แก้ปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญ รอบหน้าเราก็เลือกตั้งภายใต้กติกานี้อีก อยากบอกทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลและผู้สนับสนุน ว่าอย่าเอาแต่ใจตัวเอง 

 

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X