กอบศักดิ์ คาด แนวโน้ม Fed ขึ้นดอกเบี้ยในอัตราที่ชะลอตัว หลังการตัดสินใจประกาศขึ้นดอกเบี้ยรอบนี้ 0.75% เป็นยาที่แรงพอ แนะเกาะติดภาวะ Recession หลังถ้อยแถลงของประธาน Fed บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะแผ่วลงช่วงหนึ่ง
กอบศักดิ์ ภูตระกูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ และเลขานุการ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Kobsak Pootrakool เรื่อง ‘Phase 2 ของสงครามระหว่าง Fed กับเงินเฟ้อ’ หลังจากที่เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม (ตามเวลาสหรัฐฯ) Fed ได้ตัดสินใจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.75%
โดยกอบศักดิ์โพสต์ว่า เมื่อคืนระหว่างฟังท่านประธาน Fed แถลง และถามตอบเป็นเวลา 1 ชั่วโมง ตลาดต่างๆ ปรับตัวขึ้น ดังนี้
Dow Jones +500 จุด +1.6%
Nasdaq +480 จุด +4.1%
Bitcoin บวกเกือบ 2,000 ดอลลาร์
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะ Fed กำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ของสงคราม ที่นักลงทุนเริ่มเห็นว่า
- สูตรยาของ Fed เริ่ม ‘แรงพอ’ ไม่มี Surprise ในสิ่งที่ท่านประธาน Fed พูด ถ้าจะว่าไปแล้วคงนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มสงครามกับเงินเฟ้อมาที่ Fed ขึ้นดอกเบี้ยน้อยกว่าตลาด ‘เคยกลัว’
จาก 2 สัปดาห์ที่แล้วที่ตลาดเคยคาดว่า Fed คงจะต้องขึ้น 1% แต่หลังฟังคำพูดของกรรมการบางส่วน ตลาดก็ค่อยๆ ปรับการคาดการณ์ว่าครั้งนี้คงจะขึ้นประมาณ 0.75% พร้อมแอบกลัวนิดๆ อยู่ลึกๆ ว่าจะมีอะไรมาเกินที่คิด แต่สุดท้าย Fed ก็มาตามนัด
เรื่องนี้มีนัย เพราะจากที่ Fed เคยมือหนักใส่ยาแรงกว่าที่เคยบอกไว้เสมอ เช่น บอก 0.25% ก็ขึ้น 0.5%, บอก 0.5% ก็ขึ้น 0.75% ครั้งนี้บอก 0.5-0.75% ก็ทำตามที่พูด 0.75% หมายความว่าสูตรยาที่ Fed จ่ายเริ่ม ‘แรงพอ’ ไม่มีแถม
นอกจากนั้น ท่านประธาน Fed ยังบอกระหว่างแถลงว่า 0.75% เป็นการขึ้นที่มาก และเป็นขนาดที่ไม่ปกติ ถ้าข้อมูลชี้ว่ายังจำเป็นอยู่ ครั้งหน้าคงขึ้น 0.75% อีกครั้ง แต่ 1.0% ไม่ค่อยได้พูดถึงกัน ทำให้ตลาดโล่งใจว่าที่แย่ๆ Fed ต้องมือหนักได้ผ่านไปแล้ว
- ‘ยาเริ่มออกฤทธิ์’ และความกังวลใจเริ่มเปลี่ยน ภาษาที่ Fed ใช้เริ่มเปลี่ยน โดยในแถลงการณ์ล่าสุด เริ่มบอกว่า Spending and production has softened (การใช้จ่ายและการผลิตเริ่มอ่อนตัวลง!!!) Growth in consumer spending has slowed significantly (การใช้จ่ายของผู้บริโภคชะลอลงอย่างมีนัยสำคัญ) Activities in housing sector has weakened (ความคึกคักของภาคอสังหาเริ่มลดลง) และ Business fixed investment also looks to have declined in Q2 (การลงทุนของภาคธุรกิจก็หดตัวลง)
คำพูดเหล่านี้ Softened, Slowed, Weakened, Declined ถ้าจะว่าไปแล้ว คงเป็นครั้งแรกรอบนี้ที่ Fed เริ่มใช้ จากเดิมจะบอกว่าแข็งแรง ดีเกินคาด ดีที่สุดในรอบหลายสิบปี สะท้อนว่ายาเริ่มออกฤทธิ์ตามที่ Fed ตั้งใจให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง และหมายความต่อไปว่า สูตรยา ‘น่าจะแรงพอ’ อย่างที่บอกไปข้างต้น
นอกจากนี้ที่น่าสนใจอย่างยิ่งระหว่างที่ฟังคำถามจากผู้สื่อข่าวมากกว่า 20 คนระดมถามกัน ก็คือความกังวลใจของทุกคนเริ่มเปลี่ยนจากช่วงก่อนหน้า
เดิมกังวลใจว่าจะเอาเงินเฟ้อไม่อยู่ เงินเฟ้อกำลังพุ่ง และไม่รู้ว่าจะพุ่งไปถึงที่ไหน Fed is behind the curve ตอนนี้นักข่าวเริ่มคิดว่าเงินเฟ้อน่าจะเริ่ม Peak และดีขึ้นในช่วงถัดไป เลยไม่เน้นถามเรื่องเงินเฟ้ออย่างเคย
แต่กลับมากังวลใจเรื่องใหม่แทน ก็คือ Recession โดยเริ่มมีคนถามว่า
- เราอยู่ใน Recession หรือยัง
- จะวัดอย่างไร
- ถ้าวันพรุ่งนี้ตัวเลข GDP Q2 ออกมาติดลบ จะถือว่า Recession หรือยัง
- Fed จะลดดอกเบี้ยเมื่อไร
- เงื่อนไขอะไรที่จะทำให้ Fed ลดดอกเบี้ย
เรียกได้ว่าเป็นหนังคนละม้วนกับช่วงก่อนหน้า จากที่มักจะถามว่าจะใส่ยาแรงกว่าเดิมอีกไหม ตอนนี้เริ่มกลายเป็นจะลดยาเมื่อไร ยอมรับกับความจริงว่าการต่อสู้ของ Fed กับเงินเฟ้อกำลังเข้าสู่ช่วง 2 และ Recession รออยู่
Soft Landing คงเกิดยาก เพราะแม้แต่คนขายไอเดีย (ท่านประธาน Fed) ก็ยังบอกว่า หนทางไปสู่จุดนั้นดูยากขึ้นเรื่อยๆ โดยท่านประธาน Fed บอกว่า
“We are highly attentive to inflation risks and determined to take the measures necessary to return inflation to our 2 percent longer-run goal. This process is likely to involve a period of below trend economic growth and some softening in labor market conditions, but such outcomes are likely necessary to restore price stability and to set the stage for achieving maximum employment and stable prices over the longer-run”
แปลง่ายๆ ว่า ขอให้ทุกคนทำใจ เศรษฐกิจจะต้องตก ต้องแผ่วไปช่วงหนึ่ง (Below Trend) แต่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งหมายความต่อไปว่า คนจะต้องตกงาน บริษัทต้องปิด แต่สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในระยะยาว
ทั้งหมดนี้รวมแล้วหมายความว่า เราได้เข้าสู่ Phase 2 ของสงครามของ Fed กับเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังตายใจไม่ได้ เพราะสิ่งที่ท่านประธาน Fed ยังไม่ยอมบอก ยังตอบเลี่ยงไปมา ก็คือดอกเบี้ยสุดท้ายแล้วจะต้องขึ้นไปสูงสุดแค่ไหน ต้องจ่ายยาอีกเท่าไร อีกกี่รอบจึงจะเอาอยู่
เรื่องนี้จะสำคัญต่อไป เพราะตลาดยังคิดว่า 3.5-3.8% น่าจะพอ แต่ท้ายที่สุดแล้วอาจต้อง Surprise เป็นระยะๆ ทุกๆ 6-8 สัปดาห์ ว่า Fed ยังไม่จบ ต้องขึ้นไปต่ออีกพอสมควรครับ!!!!