หากความฝันของนักกีฬาทุกคนคือการประสบความสำเร็จในเส้นทางการเล่นของตัวเอง ความฝันของยอดนักกีฬาระดับตำนานนั้น พวกเขาอาจไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการปิดฉากเส้นทางการเล่นของตัวเองให้สวยหรูที่สุด
ในความทรงจำของผมแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีใครที่ปิดฉากชีวิตรักนักกีฬาของตัวเองได้สวยงามไปกว่า โคบี ไบรอันต์
หลังตัดสินใจที่จะประกาศต่อโลกให้ทุกคนได้รู้เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2015 ว่าต่อให้หัวใจของเขาจะยังร้อนแรงแค่ไหน แต่ร่างกายของเขามันกำลังมอดดับลง และมันทำให้เขาต้องยอมรับว่า ถึงเวลาปล่อยวางได้แล้ว และนั่นทำให้ในฤดูกาลสุดท้าย ฤดูกาลที่ 20 หรือ 2 ทศวรรษเต็มๆ กับลอสแอนเจลิสเลเกอส์ โคบี ไบรอันต์ ได้ใช้เวลาตลอดทั้งฤดูกาลนั้น เพื่อบอกรักและบอกลาทุกคน
ไม่ว่าจะเดินทางไปสนามแข่งที่ใดก็ตามทั่วสหรัฐอเมริกา เขาได้รับการต้อนรับอย่างสูงสุดเสมอ ไม่ว่าจะจากเพื่อนนักบาสเกตบอล หรือแฟนๆ ที่จะเป็นคู่แข่งหรือไม่ จะชอบหรือชัง เขาเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ทุกคนให้การยอมรับและยกย่องเสมอ
การเดินสายเพื่อบอกรักและบอกลาของ โคบี ไบรอันต์ มาถึงจุดสิ้นสุดในวันสงกรานต์ของปี 2016 วันที่ตั๋วเข้าชมเกมที่สเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ สนนราคามหาศาลจนแทบจับต้องไม่ไหว แต่ผู้คนก็ยังพร้อมจะทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อให้ได้โอกาสชมการเล่นของหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของเอ็นบีเอเป็นครั้งสุดท้าย
คู่แข่งในวันอำลาคือ ยูทาห์ แจ๊ซซ์ ซึ่งแน่นอนครับว่า ในวันนั้นพระเอกของเกมมีคนเดียว และเขาก็เล่นได้อย่างพระเอกจริงๆ ด้วยการวาดลวดลายสะบัดช่อทำไปคนเดียวถึง 60 แต้ม ช่วยให้เลเกอส์คว้าชัยชนะได้อย่างสวยงาม
นั่นเป็นการปิดฉากชีวิตการเล่นที่งดงามสมบูรณ์แบบ ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็บอกว่า “คงไม่มีการปิดฉากครั้งไหนจะดีไปกว่านี้อีกแล้ว”
จากเด็กหนุ่มที่กลายเป็นผู้เล่นคนแรกในประวัติศาสตร์เอ็นบีเอที่ปฏิเสธจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เพราะต้องการเล่นบาสเกตบอลอาชีพเลยตั้งแต่อายุ 16 ปี (ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับนักกีฬาในสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของการศึกษา) จากผู้เล่นที่ เจอร์รี เวสต์ ผู้จัดการทีมเลเกอส์ในขณะนั้น ขอส่งเซ็นเตอร์ตัวจริงอย่าง วเลด ดีวาซ ไปแลกกับทีมชาร์ล็อตต์ ฮอร์เน็ตส์ เพื่อขอสิทธิ์ในการดราฟต์ตัว
และจากผู้เล่นที่ผนึกกำลังกับ ชาคิล โอนีล สร้างตำนาน Three-Peat (แชมป์ 3 สมัยติดต่อกันในปี 1999-2002) และได้แหวนแชมป์เอ็นบีเออีก 2 วง เมื่อนำเลเกอส์กลับมาผงาดคว้าแชมป์ได้อีก 2 สมัย (2009-2010)
หลายคนสงสัยระคนกังวลว่า ชีวิตหลังจากนี้ของไบรอันต์จะเป็นอย่างไร? เขาจะตกอยู่ในสภาพเดียวกับยอดนักกีฬาของโลกหลายๆ คน ที่ไม่สามารถกลับและปรับตัวเข้ากับชีวิตของโลกแห่งความจริงได้หรือไม่? ไฟในหัวใจที่เคยร้อนแรงจะแผดเผาเขาจนมอดไหม้เป็นธุลีหรือเปล่า?
แม้กระทั่งสตาฟฟ์ในบริษัทของเขาเอง Kobe, Inc ก็ยังแอบคิดว่า พวกเขาคงจะได้ทีเล่นงานเจ้านายจอมเขี้ยวบ้าง
แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้นเลยครับ เพราะเช้าวันถัดมาหลังเกมนัดสุดท้าย โคบี ไบรอันต์ เดินทางมาถึงที่ทำงานตามปกติ
“เรามีงานอีกหลายอย่างที่ต้องทำนะ” โคบีบอกกับทุกคน
เรื่องนี้เป็นเหมือนการสรุปใจความสำคัญของเคล็ดลับความสำเร็จและชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของตำนานนักยัดห่วงที่ชื่อว่า โคบี ไบรอันต์ ได้
ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยง่าย สิ่งที่จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้คือ การทำงานหนักเท่านั้น
และเรื่องนี้คือเรื่องแรกที่เขาใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อที่จะบอกกับคนทั้งโลกครับ
หากใครติดตามวงการบาสเกตบอลมานานพอ จะทราบว่า โคบี ไบรอันต์ เป็นนักกีฬาพรสวรรค์สูงสุดในระดับที่ถูกยกย่องให้เป็นคู่แข่งหรือทายาทของตำนานผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลอย่าง ไมเคิล จอร์แดน มาตั้งแต่สมัยยังเป็นวัยรุ่น ซึ่งมันเป็นทั้งพรและคำสาปในเวลาเดียวกัน เพราะนั่นหมายถึงการเป็นที่ยอมรับแต่ในเวลาเดียวกันก็เป็นที่ถูกจับตามองด้วย
แต่พรสวรรค์นั้นจะไม่มีประโยชน์เลยหากไม่มีพรแสวง ดังนั้น สิ่งที่โคบีทำเพื่อที่จะทำให้ตัวเองก้าวไปอยู่บนสูงสุดได้ และมากกว่านั้นคือ การยืนระยะให้ได้ยาวนานถึง 2 ทศวรรษ คือการพยายามอย่างเต็มที่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในยามแข่งหรือยามซ้อม
ครั้งหนึ่งในปี 2011 เลเกอส์แพ้ต่อทีมไมอามี ฮีท ซึ่งโคบีผิดหวังกับฟอร์มการเล่นของตัวเอง จนทำให้สุดท้ายเขาตัดสินใจที่จะกลับมาฝึกซ้อมทำคะแนนคนเดียวโดยที่ไม่ให้มีใครมาขัดจนถึงช่วงเที่ยงคืน ในขณะที่เพื่อนร่วมทีมกำลังทานอาหารริมชายหาดสวยสะอาดของไมอามี
“มันคืองานของผม” เขาบอกแบบนี้
แต่บ่อยครั้งที่ความเอาจริงเอาจังของเขากลายเป็นสิ่งที่ทำให้แม้แต่เพื่อนร่วมทีมก็ลำบากใจ พาลไปจนถึงการทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างเป็นบางคราว และตัวเขาเองก็ไม่เคยกลัวที่จะชนกับใครหน้าไหนก็ตาม แม้กระทั่งกับ ‘แช็ก’ ผู้ซึ่งสูงกว่าเขาครึ่งฟุตและตัวใหญ่กว่าเกือบ 100 ปอนด์ก็ตาม
ความกล้าหาญจึงเป็นอีกสิ่งที่ โคบี ไบรอันต์ เป็นตัวอย่างที่ดี
ลองคิดย้อนกลับไปกันดูสักนิดครับว่า หากเราเป็นเด็กมัธยมปลายคนหนึ่ง เราจะกล้าพอที่จะทิ้งอนาคตของตัวเอง เพื่อแลกกับการได้เล่นกีฬาอาชีพหรือเปล่า?
หรือแม้แต่กับชีวิตที่เห็นและเป็นอยู่ตอนนี้ เรากล้าพอที่จะก้าวเดินออกจากคอมฟอร์ตโซนของตัวเอง เพื่อแลกกับสิ่งที่หัวใจเรียกร้องหรือเปล่า?
โคบี ไบรอันต์ ไม่เคยกลัวที่จะทำอะไรทั้งนั้น และไม่เคยกลัวคู่แข่งคนไหนด้วย ไม่ว่าคู่แข่งคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม
ลีลาเหินหาวของ โคบี ไบรอันต์ ที่ไม่เป็นสองรองใคร
ย้อนกลับไปในการแข่งขันบาสเกตบอลทัวร์นาเมนต์ของ FIBA ครั้งนั้นทีมชาติสหรัฐฯ ต้องพบกับบราซิล ซึ่งทีมจากเมืองกาแฟมีความรู้สึกว่า พวกเขาจะมีโอกาสล้มทีมอันดับ 1 ของโลกได้
เมื่อรู้เช่นนั้น สิ่งที่โคบีทำคือ การเลือกชนกับ เลอันโดร บาร์โบซา การ์ดของทีมชาติบราซิล ซึ่งเป็นผู้ทำแต้มสูงสุดในรายการเวลานั้น วัดกันให้รู้ไปเลยว่าใครเจ๋งกว่า
ผลลัพธ์ของการดวลกันคือ การที่สหรัฐฯ ชนะขาดถึง 37 แต้ม โดยที่ตลอดทั้งเกมบาร์โบซามีโอกาสได้ยิงแค่ครั้งเดียว!
“การมองดูฉลามขาวจากข้างนอกนั้นก็เป็นเรื่องหนึ่ง” โคบีบอกกับเพื่อนในเวลานั้น “แต่การกระโดดลงไปในสระมันก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
แน่นอนครับว่า ตลอดชีวิตการเล่นของเขา เราจะได้ยินเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจของ โคบี ไบรอันต์ แบบนี้เต็มไปหมด ซึ่งหลายเรื่องอาจจะน่าประทับใจกว่าเรื่องที่ผมหยิบยกมาเล่าให้ฟังด้วยซ้ำไป
แต่ใช่ว่าชีวิตของเขาจะเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบโรยโปรยปรายตลอดเส้นทางการเล่น
แม้จะเป็นตำนานผู้ยิ่งใหญ่ แต่ โคบี ไบรอันต์ ก็พบพานกับความเจ็บปวดและความผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วน
เขาอาจจะเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่ในเวลาเดียวกัน เขาก็เป็นผู้แพ้ที่ดีด้วยในเวลาเดียวกัน
แพ้แล้วทำอย่างไร? ไม่มีอะไรมากไปกว่าการกลับมาพยายามใหม่อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง
แล้ววันหนึ่งคุณก็จะเป็นผู้ชนะ เพราะบนโลกใบนี้ไม่มีใครที่จะเป็นผู้แพ้ตลอดไป และไม่มีใครที่จะชนะตลอดกาล
20 ปีของการเล่นบาสเกตบอลอาชีพ โคบี ไบรอันต์ เติบโตและเรียนรู้เรื่องราวต่างๆ มากมายได้มากพอที่เขาคิดว่าจะส่งต่อสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘แรงบันดาลใจ’ ให้แก่ผู้คน
โดยเฉพาะกับคนรุ่นต่อไป
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะก่อตั้งบริษัท Kobe, Inc ซึ่งไม่ใช่ชื่อที่ตั้งขึ้นมาอย่างเท่ๆ เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง (ซึ่งความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร) แต่เพราะมันคือ ‘โลกทั้งใบ’ ของเขา
โคบีทำหนังสือเล่าเรื่องของเขาให้เด็กๆ ฟังด้วยภาษาที่เด็กจะเข้าใจแบบโลกกีฬาที่มีความแฟนตาซีอยู่ในนั้น
กับคนที่โตขึ้นมาหน่อย สามารถเรียนรู้ชีวิตของเขาได้ผ่านบทละครบรอดเวย์
และเรื่องราวที่ถ่ายทอดชีวิต ตัวตน และความฝันของ โคบี ไบรอันต์ ได้ดีที่สุดคือ แอนิเมชันขนาดสั้นที่ชื่อเรื่องว่า Dear Basketball ซึ่งดัดแปลงมาจากบทกลอนที่เขาแต่งขึ้นในช่วงที่เขาตัดสินใจว่าจะยุติชีวิตการเล่นบาสเกตบอล
แอนิเมชันเรื่องนี้คว้ารางวัลออสการ์ได้ในปี 2018 และทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์
โคบียังพยายามใช้เวลาที่มีทั้งหมดเพื่อครอบครัว ความรักที่มีต่อบาสเกตบอลของเขาถูกถ่ายทอดให้กับจานนา ลูกสาวสุดที่รักที่เดินตามรอยของพ่อ และนั่นจึงทำให้โศกนาฏกรรมที่คาลาบาซาส แคลิฟอร์เนีย เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ทำให้คนทั้งโลกต้องร้องไห้
เพราะไม่ใช่แค่ความฝันเดียวที่ดับสูญ แต่เป็นถึงสองความฝันที่จากโลกนี้ไปตลอดกาล
เอาล่ะ ณ เข็มนาฬิกาเดินไปนี้ โลกอาจจะไม่มีชีวิตของ โคบี ไบรอันต์ แล้ว
แต่เรื่องราว ความทรงจำ การต่อสู้ ความสุข ความเจ็บปวด ความฝัน และแรงบันดาลใจจากตำนานผู้นี้ยังคงอยู่
สิ่งที่ โคบี ไบรอันต์ ต้องการจะบอกเล่าต่อ ความฝันในบทที่ 2 ของชีวิตหลังการเป็นนักกีฬา แรงใจ และไฟฝันที่ลุกโชน
ผมเชื่อว่าทั้งหมดจะได้รับการสานต่อ
จะไม่มีใครลืมผู้ชายที่ชื่อ โคบี ไบรอันต์
คนที่ไม่ได้เป็นแค่นักกีฬา แต่เป็นฮีโร่ เป็นขวัญใจ เป็นแรงบันดาลใจ เป็นรักแรก เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของคนมากมาย
Mamba Forever
- ชื่อของ โคบี ไบรอันต์ มาจากชื่อของเนื้อวัวโกเบ (Kobe) ซึ่งพ่อของเขา โจ ไบรอันต์ อดีตนักบาสเกตบอลอาชีพเหมือนกัน เห็นในเมนูที่ภัตตาคารแห่งหนึ่ง
- โคบียังมีชื่อกลางว่า ‘บีน’ ซึ่งมาจากชื่อเล่นของพ่อ ‘เจลลีบีน’
- โคบีแต่งงานกับวาเนสซา ภรรยาที่เขาพบรักตั้งแต่ปี 1999 โดยขณะนั้นเขาอายุ 21 ปี ส่วนวาเนสซาอายุแค่ 17 ปี เป็นแดนเซอร์เบื้องหลังในมิวสิกวิดีโอ เพลง G’d Up ซึ่งขณะนั้นโคบีก็กำลังทำงานเพลงอัลบั้มเปิดตัวอยู่เช่นกัน
- โคบีและวาเนสซาหมั้นหมายในเดือนพฤษภาคม ปี 2000 ก่อนจะแต่งงานในปีต่อมา และมีลูกสาวทั้งหมด 4 คน
- สมญาที่โคบีตั้งให้ตัวเองคือ Black Mamba ซึ่งเป็นชื่อของงูชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถจู่โจมศัตรูได้แม่นยำสูงสุดถึง 99% ในความเร็วสูงสุด
- นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว โคบียังสามารถพูดในภาษาอิตาลีและสเปนได้อย่างคล่องแคล่ว และสิ่งที่เขาทำในช่วงที่ผ่านมาคือ การพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนโดยเฉพาะแก่เด็กๆ
- ในการไปเยือนจีนครั้งหนึ่ง โคบีเลือกที่จะสื่อสารด้วยภาษาจีนกลาง (แมนดาริน) ทำให้แฟนกรี๊ดเขาหนักกว่า เหยาหมิง นักบาสเกตบอลเลือดมังกรเองเสียอีก
- ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ โคบี ไบรอันต์ คือแรงบันดาลใจของยุคสมัย ไม่เว้นแม้แต่สุดยอดนักกีฬาอย่าง ดเวย์น เวด, เลอบรอน เจมส์, เนย์มาร์ และอีกมากมายที่ทำใจไม่ได้กับการจากไปของเขา