×

ไตตัส คิปกอสไก คว้าแชมป์บุรีรัมย์ มาราธอน 2023 พร้อมทุบสถิติอาเซียน ด้วยเวลา 2.08.57 ชั่วโมง

โดย THE STANDARD TEAM
22.01.2023
  • LOADING...

วานนี้ (21 มกราคม) เป็นการแข่งขัน ‘บุรีรัมย์ มาราธอน 2023 พรีเซนเต็ด บาย เครื่องดื่มตราช้าง’ ปีที่ 7 ชิงเงินรางวัลสูงที่สุดในประเทศไทย มูลค่ารวมกว่า 6 ล้านบาท ออกสตาร์ทที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์

 

โดยใช้เส้นทางวิ่งจากสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ออกสู่ถนนหลักผ่านตัวเมือง และเข้าเส้นชัยที่สนามฟุตบอล ช้างอารีนา จังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมทัพกองเชียร์ตลอดเส้นทาง 42.195 กิโลเมตร

 

สำหรับรายการนี้ เป็นการแข่งขันในรูปแบบ Night Run ภายใต้แนวคิด ‘สวรรค์ของนักวิ่ง’ ที่สุดของงานวิ่งมาตรฐานโลกฝีมือคนไทย รับรองโดยสหพันธ์สมาคมกรีฑานานาชาติ หรือ World Athletics Road Race โดยมีนักวิ่งทั้งหมดกว่า 30,000 คน เป็นนักวิ่งจากต่างชาติ นักวิ่งอีลิท และ Expat ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย จำนวน 1,063 คน จาก 46 ประเทศทั่วโลก

 

การแข่งขันแบ่งเป็น 4 ระยะ ได้แก่ มาราธอน ระยะทาง 42.195 กิโลเมตร, ฮาล์ฟมาราธอน ระยะทาง 21.1 กิโลเมตร, มินิมาราธอน ระยะทาง 10 กิโลเมตร และฟันรัน ระยะทาง 4.554 กิโลเมตร

 

ด้านผลการแข่งขันประเภทมาราธอนชาย ผู้ที่เข้าเส้นชัยคนแรก นักวิ่งอีลิท ไตตัส คิปกอสไก จากเคนยา ทำเวลาได้ 2.08.57 ชั่วโมง ทำลายสถิติบุรีรัมย์มาราธอนเดิมที่เคยทำไว้ 2.11.46 ชั่วโมง และทำลายสถิติในกลุ่มอายุ 18-29 ปีชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 2.14.36 ชั่วโมง พร้อมทำลายสถิติเร็วที่สุดในประเทศไทย และถือเป็นเวลาที่เร็วที่สุดของอีเวนต์มาราธอนในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมรับรางวัลโบนัสรวมกว่า 1 ล้านบาท ที่ 2 ฟิกาดู เดเบเล จากเอธิโอเปีย เวลา 2.10.49 ชั่วโมง ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 30-39 ปีชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 2.54.05 ชั่วโมง ที่ 3 เบนสัน เอ็มวานกี จากเคนยา เวลา 2.11.24 ชั่วโมง

 

มาราธอนหญิง ที่ 1 แอกเนส ไคโน จากเคนยา เวลา 2.28.08 ชั่วโมง ทำลายสถิติบุรีรัมย์มาราธอนเดิม 2.32.41 ชั่วโมง และทำลายสถิติกลุ่มอายุ 30-39 ปีหญิง ที่สถิติเดิมทำไว้ 2.54.05 ชั่วโมง ที่ 2 ลูซี่ คาริมี จากเคนยา เวลา 2.28.36 ชั่วโมง ที่ 3 อาเบรุ เซนเนเบ จากเอธิโอเปีย เวลา 2.29.07 ชั่วโมง ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 40-49 ปีหญิง ที่สถิติเดิมทำไว้ 3.20.46 ชั่วโมง

 

ส่วนคนไทยที่เข้าเส้นชัยคนแรก มาราธอนชาย คือ สัญชัย นามเขต เจ้าของเหรียญเงินซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ฟิลิปปินส์ ทำเวลาได้ 2.30.00 ชั่วโมง คว้าแชมป์คนไทยและครองถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา เป็นสมัยที่ 4 พร้อมรับเงินรางวัล 50,000 บาท เช่นเดียวกับฝ่ายหญิง ลินดา อินทะชิต ได้แชมป์อีกสมัย ทำเวลาได้ 2.51.51 ชั่วโมง

 

สัญชัยเปิดเผยว่า ถือว่าปีนี้ประสบความสำเร็จ ทำได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ รู้สึกพอใจกับสถิติที่ทำได้ดีกว่าปีที่แล้ว ด้วยอากาศที่ดี มีทัพกองเชียร์เป็นกำลังใจตลอดเส้นทาง ทำให้ทำสถิติได้ดีขึ้น ปีหน้าตั้งใจจะทำสถิติให้ดีขึ้นกว่าปีนี้

 

ประเภทฮาล์ฟมาราธอนชาย ที่ 1 เจมส์ คารันจา จากเคนยา เวลา 1.05.02 ชั่วโมง ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 30-39 ปีชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 1.09.29 ชั่วโมง ที่ 2 คินดู ทิรันเนห์ จากเอธิโอเปีย เวลา 1.05.34 ชั่วโมง ที่ 3 บิ๊ก-ณัฐวุฒิ อินนุ่ม ที่เป็นคนไทยที่เข้าเส้นชัยฮาล์ฟมาราธอนเป็นคนแรก เวลา 1.06.05 ชั่วโมง ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 18-29 ปีชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 1.07.58 ชั่วโมง

 

ฮาล์ฟมาราธอนหญิง ที่ 1 อรอนงค์ วงศร เวลา 1.21.27 ชั่วโมง ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 30-39 ปีหญิง ที่สถิติเดิมทำไว้ 1.24.29 ชั่วโมง ที่ 2 อรนุช เอี่ยมเทศ เวลา 1.28.47 ชั่วโมง ที่ 3 ดอร์คัส ทารัส จากเคนยา เวลา 1.30.09 ชั่วโมง

 

ด้านณัฐวุฒิเปิดเผยว่า อากาศปีนี้ดีมาก เส้นทางวิ่งก็ดี สำหรับรายการนี้ตนทำเวลาได้ดีมากๆ แต่เสียดายมาก เพราะชวดโอกาสทำลายสถิติประเทศไทยเกินไป 40 วินาที แต่สามารถทำลายสถิติของกลุ่มอายุได้ ก็ถือว่าพอใจ สำหรับอนาคตในการรับใช้ทีมชาติ รอเก็บความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น เพื่อขยับขึ้นไปแข่งมาราธอนต่อไป

 

ประเภทมินิมาราธอนชาย ที่ 1 เบล-ณัฐวัฒน์ อินนุ่ม น้องชายฝาแฝดของณัฐวุฒิ ทำเวลาได้ 32.10 นาที ที่ 2 อีน็อค คีเกน จากเคนยา เวลา 32.21 นาที ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 30-39 ปีชาย ที่สถิติเดิมทำไว้ 33.03 นาที ที่ 3 อาทิตย์ โสดา เวลา 32.24 นาที

 

มินิมาราธอนหญิง ที่ 1 ดิว-เขมจิรา เชื้ออินทร์ วัย 16 ปี ทำเวลาได้ 39.20 นาที ทำลายสถิติกลุ่มอายุ 13-17 ปีหญิง ที่สถิติเดิมทำไว้ 41.09 นาที ที่ 2 ณัฐธิดา เถาหน้อย เวลา 40.25 นาที ที่ 3 ณัฏฐพร สมิทธิวิโรจน์ เวลา 41.24 นาที

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X