แน่นอนว่าพ่อแม่ผู้ปกครองร้อยทั้งร้อยย่อมปรารถนาจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกๆ ของตน อยากจะให้พวกเขามีอนาคตที่สดใสรออยู่เบื้องหน้า และสิ่งที่จะการันตีเช่นนั้นได้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องของการศึกษา ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของชีวิต ในปัจจุบันนี้คุณพ่อคุณแม่จำนวนไม่น้อยที่สามารถเลือกได้ จึงมักตัดสินใจส่งให้ลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งนอกจากจะเสริมให้มีข้อได้เปรียบในเรื่องของภาษาแล้ว ยังมีหลักสูตรการศึกษาอันเป็นสากล ทำให้เบาใจได้เปลาะหนึ่งว่าลูกๆ ของเราจะเติบโตขึ้นอย่างมีคุณภาพ ก้าวทันความเป็นไปของโลกแน่นอน โดยแต่ละโรงเรียนต่างก็มีแบบฉบับเป็นของตัวเอง มี Core Values ที่แตกต่างกันไป บางโรงเรียนเน้นเรื่องวิชาการ บางโรงเรียนเน้นการเรียนรู้ด้วยตนเอง แต่สิ่งที่พ่อแม่ยุคปัจจุบันส่วนใหญ่มองหานั้นจะเป็นโรงเรียนที่มอบทั้งวิชาความรู้และสติปัญญาอย่างเป็นเลิศ มีจิตใจดี มีมารยาท มีความอ่อนน้อมถ่อมตน สร้างลูกให้เป็นผู้ใหญ่ที่ทรงคุณค่าของสังคม และเป็นพลเมืองที่ดีของโลกต่อไป
โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ (King’s College International School Bangkok) ได้รับการก่อตั้งขึ้นโดยความร่วมมือจาก โรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน (King’s College School, Wimbledon) สถาบันการศึกษาชั้นนำของอังกฤษ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับพ่อแม่ผู้ปกครอง ซึ่งหากพูดถึง ‘คิงส์คอลเลจ’ หลายคนน่าจะทราบดีถึงชื่อเสียงว่าเป็นหนึ่งในสถานศึกษาที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก โดยทุกครั้งที่มีการจัดอันดับก็จะติดระดับท็อป 1 ใน 5 ที่มีคะแนนสอบดีที่สุดของอังกฤษมาโดยตลอด นักเรียนของโรงเรียนสามารถสอบเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดและมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ได้ปีละประมาณถึง 25% หรือ 300 คนในช่วงตลอด 6 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งนักเรียนกว่า 90% ก็สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ตนเองเลือกเป็นอันดับแรก ซึ่งล้วนเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกทั้งที่อยู่ในประเทศอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด, มหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน, มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด และมหาวิทยาลัยเยล ฯลฯ
การที่โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพได้รับการก่อตั้งขึ้นที่เมืองหลวงของประเทศไทย ทั้งยังใช้ปรัชญาหลักสูตรการศึกษาและครูซึ่งมีมาตรฐานในระดับเดียวกันกับโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ จึงเป็นทางเลือกให้กับบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองชาวไทยไม่ต้องส่งลูกข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนไกล แถมยังประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย ทั้งนี้ แอนดรูว์ ฮอลส์ ครูใหญ่โรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน เป็นบุคคลที่เปรียบเสมือนผู้ทรงอิทธิพลด้านการศึกษาของประเทศอังกฤษ ซึ่งได้รับรางวัลต่างๆ มากมาย และเพิ่งได้เข้าเป็นหนึ่งในบุคคลที่อยู่ในลิสต์รายชื่ออันทรงเกียรติ ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ OBE ด้านการศึกษาแห่งปี 2020 เขามีความใส่ใจในโรงเรียนแห่งนี้ และเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้งเพื่อให้คำแนะนำและควบคุมการก่อตั้งโรงเรียนคิงส์คอลเลจกรุงเทพอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีมาตรฐานการเรียนการสอนไม่ต่างกันกับคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน
“โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจเปิดที่กรุงเทพเป็นแห่งแรกของอาเซียน และแห่งที่ 3 ของโลก เกิดจากความร่วมมือกันของโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ โดยก่อนหน้านี้เราได้มีการเปิดคิงส์คอลเลจที่ประเทศจีน 2 แห่ง ความจริงที่ผ่านมาคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันเคยได้รับการทาบทามให้ไปเปิดโรงเรียนยังประเทศต่างๆ มากมาย แต่เนื่องจากเรายึดมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าปรัชญาด้านการศึกษาของเรากับพาร์ตเนอร์จะต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน หลังจากที่ผมได้มีโอกาสเจอกับ ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.สาคร สุขศรีวงศ์ ก็พบว่าเรามีความตั้งใจ เป้าหมาย รวมถึงวิสัยทัศน์สอดคล้องกัน ในที่สุดเราจึงตัดสินใจเปิดโรงเรียนร่วมกัน”
แม้จะมีมาตรฐานการเรียนการสอนและการบริหารเดียวกันกับคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตาม โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพก็ไม่ใช่เป็นเพียงแฟรนไชส์ที่ถอดแบบโรงเรียนแม่มาทุกกระเบียดนิ้ว ทว่ามีการปรับเสริมให้เข้ากับบริบทของสังคมและวัฒนธรรมไทย กล่าวคือมีการวางหลักสูตรให้เหมาะสมตามหลักสูตรของคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน แต่ก็มีครูผู้ช่วยคนไทยและเสริมด้วยวิชาภาษาไทยและภาษาจีน โดยสิ่งที่เป็น ‘แก่น’ ของปรัชญานั้น ครูใหญ่โรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันย้ำว่าคือวัฒนธรรมของคิงส์คอลเลจที่มีธรรมเนียมปฏิบัติมุ่งเน้นในเรื่องมารยาท ความอ่อนน้อมถ่อมตน และเคารพความคิดเห็นของผู้อื่น ซึ่งสอดคล้องกับวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างดี
“อย่างไรก็ตาม เราเชื่อมั่นว่าจุดแข็งของคิงส์คอลเลจกรุงเทพซึ่งไม่เหมือนกับโรงเรียนนานาชาติอื่นโดยทั่วไปก็คือ นอกจากมาตรฐานทางวิชาการที่สูงสุดแล้ว เรายังให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ในด้านอื่นๆ อีกด้วย เช่น ดนตรี กีฬา และศิลปะ เพราะตามปรัชญาของคิงส์คอลเลจถือว่าจำเป็นมากที่เราต้องสร้าง ‘การเติบโตอย่างสมดุล’ ให้กับเด็กนักเรียนของเรา เนื่องจากเราเชื่อว่าในอนาคตนั้นเด็กๆ ต้องการมากกว่าแค่ความพร้อมทางวิชาการ แต่เขาต้องสมบูรณ์พร้อมด้วยทั้งความประพฤติและมารยาททางสังคม รวมถึงมีทัศนคติที่เปิดกว้าง เปี่ยมไปด้วยแรงบันดาลใจและความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้ก้าวทันต่อความเปลี่ยนแปลงโลก”
ทั้งโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ และโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ ประเทศไทย จึงมุ่งเน้นให้เด็กๆ มีทักษะความรู้ที่รอบด้านผ่านหลักสูตร Co-curricular Programme หรือหลักสูตรร่วมผสม ซึ่งนอกจากการเรียนต้องเด่นแล้วยังให้ความสำคัญกับกีฬาและกิจกรรมสันทนาการ เพื่อช่วยให้เด็กมีความสุขต่อการเรียนรู้ อันจะนำไปสู่ผลการเรียนและพัฒนาการที่ดีที่สุด โดยคุณครูจะดูแลนักเรียนอย่างใส่ใจและส่งเสริมให้ทุกคนมีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องไปตั้งแต่เด็กจนโต เพื่อให้นักเรียนประสบความสำเร็จในทุกๆ ด้าน รวมถึงให้การดูแลเด็กๆ แบบ Pastoral Care ซึ่งหมายถึงการดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง เพื่อปลูกฝังค่านิยมทุกมิติของความเป็นคิงส์คอลเลจอีกด้วย ทั้งนี้ ธอมัส บานยาร์ด ครูใหญ่โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ จึงได้อธิบายขยายความเพิ่มเติมถึงการดูแลนักเรียนด้วยวิธีการนี้ให้ฟังอีกว่า
“การดูแลเด็กแบบ Pastoral Care มุ่งเน้นส่งเสริมให้เด็กๆ มีความสุข โดยครูกับเด็กใช้เวลาร่วมกันทั้งในห้องและนอกห้องเรียนผ่านกิจกรรมต่างๆ ข้อดีคือทำให้ครูรู้จักเด็กนักเรียนของตนเองในทุกแง่มุม ทั้งความรู้ ความสามารถ และศักยภาพ นอกจากครูประจำชั้นแล้ว ที่นี่ยังมีติวเตอร์คอยทำหน้าที่เหมือนครูพี่เลี้ยงหรือที่ปรึกษาคอยดูแลนักเรียนตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนจนถึงวันที่จบการศึกษา คอยช่วยเหลือสนับสนุนทั้งด้านการเรียนตลอดจนกิจกรรม รวมถึงคอยให้คำแนะนำแก้ไขปัญหาทุกเรื่องที่เด็กต้องการ”
ลองมาฟังความรู้สึกประทับใจของ โจนาธาน เชน และ เฟรดดี้ เบรตต์ สองนักเรียนที่เพิ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ และเป็น Gap Year Student ที่ได้มาฝึกงานที่คิงส์คอลเลจกรุงเทพเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งจะช่วยถ่ายทอดจิตวิญญาณความเป็นคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันสู่คิงส์คอลเลจกรุงเทพ
“สิ่งที่พวกผมรักเกี่ยวกับคิงส์คอลเลจก็คือสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรและโอบอ้อมอารี สิ่งที่ดีที่สุดก็คือเราสามารถทำทุกอย่างได้ ทั้งเล่นกีฬา หรือเล่นดนตรี แถมเรายังมีเพื่อนๆ อีกหลายกลุ่มที่ได้จากการทำกิจกรรมต่างๆ ได้ทำทุกอย่างที่อยากทำโดยไม่ต้องกังวลว่าผลการเรียนจะตกลง เพราะมีติวเตอร์ที่คอยดูแลและกระตุ้นให้คิดบวก ช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เราอยากเรียนรู้นอกเหนือจากที่เราเรียนในห้องเรียน ซึ่งผมเชื่อว่านี่คือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับการเรียนรู้ของพวกผมในยุคปัจจุบัน”
นอกจากนี้เพื่อเป็นการการันตีว่ามาตรฐานการศึกษาของโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพจะทัดเทียมกับโรงเรียนแม่ ทางคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันจึงได้ร่วมสรรหาและคัดเลือกครูคุณภาพสูงสุดจากใบสมัครกว่า 1,500 ใบที่ส่งมาจากทั่วโลก รวมถึงได้จัดส่งครูจากคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันมาร่วมเป็นทีมงานภายใต้ ‘โครงการครูแลกเปลี่ยน’ เพื่อให้ครูที่คิงส์คอลเลจวิมเบิลดันสามารถมาสอนที่ประเทศไทย และสามารถกลับไปทำงานต่อที่คิงส์คอลเลจวิมเบิลดันได้ โดยจุดประสงค์ของโครงการดังกล่าวก็เพื่อให้คิงส์คอลเลจทั้งสองแห่งมีความเป็นครอบครัวเดียวกัน ตลอดจนมีมาตรฐานและจิตวิญญาณเหมือนกันนั่นเอง
และล่าสุดโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันได้เปิดบ้านต้อนรับพ่อแม่ผู้ปกครองจากประเทศไทยกว่า 20 คนที่ได้ร่วมเดินทางใน Founding Families Trip ซึ่งเป็นความตั้งใจของคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันในการทำให้คิงส์คอลเลจกรุงเทพมีมาตรฐานเดียวกันในทุกมิติ ซึ่งผู้ปกครองมีโอกาสได้เยี่ยมชมโรงเรียน พร้อมพูดคุย ฟังบรรยาย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครองของคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน จากทริปนี้นอกจากทุกคนจะได้รับประสบการณ์ตรงและร่วมยืนยันถึงการได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากคิงส์คอลเลจวิมเบิลดันแล้ว ยังเป็นการริเริ่มสร้างคอมมูนิตี้ของผู้ปกครองให้เป็นสังคมที่สร้างสรรค์ต่อไป
“ความร่วมมือกันครั้งนี้เป็นมากกว่าหุ้นส่วนทางธุรกิจ แต่เหมือนเพื่อน เหมือนครอบครัว เพราะเราเป็น ‘คิงส์คอลเลจ’ เหมือนกัน ดังนั้นที่นั่นมีอะไร ที่นี่ก็ย่อมจะต้องมีเหมือนกัน เพียงแต่อยู่ที่ประเทศไทยเท่านั้น” แอนดรูว์กล่าว
โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพ กำลังพร้อมจะเปิดทำการสอนในปีการศึกษาหน้านี้ในเดือนสิงหาคม 2563 ที่กำลังจะมาถึง และแน่นอนว่าจะมีมาตรฐานทัดเทียมกับโรงเรียนคิงส์คอลเลจวิมเบิลดัน ประเทศอังกฤษ ดังนั้นการเปิดรับสมัครรอบใหม่ตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งเป็นโอกาสสุดท้ายของปีนี้ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของโอกาสทางการศึกษาในระดับโลกที่พ่อแม่สามารถมอบให้เป็นของขวัญที่ดีที่สุดกับลูก และทำให้พวกเขามีอนาคตอันสดใส มีความสุข พร้อมก้าวตามความเปลี่ยนแปลงของโลกให้ทัน THE STANDARD แนะนำว่าน่าจะลองพิจารณาโรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพกันดูสักหน่อย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
- โรงเรียนนานาชาติคิงส์คอลเลจกรุงเทพตั้งอยู่ใจกลางเมืองถนนรัชดา-พระราม 3 จะเปิดสอนนักเรียนทั้งชายและหญิง อายุตั้งแต่ 2-18 ปี (Pre-nursery – Year 13) โดยในปีการศึกษา 2563 นี้จะเปิดเฉพาะชั้น Pre-nursery (อายุ 2 ปี) จนถึง Year 6 (อายุ 11 ปี) ก่อน โดยผู้ปกครองที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ [email protected] หรือดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง www.kingsbangkok.com