**ไม่เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของภาพยนตร์**
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่า ณ เวลานี้ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ คือภาพยนตร์แอนิเมชันฟอร์มยักษ์ที่มาแรงที่สุดในปีนี้
รวมทั้งตัวผู้เขียนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชื่นชอบและติดตามมังงะเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เราจึงเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อที่จะได้รับชมการต่อสู้อันดุเดือดของ คามาโดะ ทันจิโร่ และพวกพ้องในโรงภาพยนตร์ โดยรอบที่เราซื้อตั๋วเข้าชมในครั้งนี้คือรอบฉายฉบับพากย์ภาษาไทย
และเมื่อรับชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ เราขอเป็นอีกหนึ่งเสียงที่ยืนยันว่า ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ คือแอนิเมชันที่คู่ควรแก่การชมในโรงภาพยนตร์อย่างแท้จริง
เรื่องราวภายในภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่อเนื่องจากเนื้อหาของดาบพิฆาตอสูรฉบับแอนิเมะซีซันที่ 1 ซึ่งตรงกับเนื้อหาฉบับมังงะเล่มที่ 7-8
เมื่อ คามาโดะ ทันจิโร่ หนึ่งในสมาชิกหน่วยพิฆาตอสูรและพวกพ้องได้รับภารกิจใหม่ให้ออกเดินทางไปสมทบกับเสาหลักเพลิง เร็นโงคุ เคียวจูโร่ เพื่อสืบสวนร่องรอยของเหล่าอสูร ณ ขบวนรถไฟนิรันดร์ ซึ่งพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับ เอ็นมุ อสูรข้างแรมที่หนึ่ง ผู้ใช้วิชาเลือดอสูรสะกดมนุษย์ให้หลับใหล
เนื่องจากเราติดตามมังงะฉบับแปลไทยของ ดาบพิฆาตอสูร จนถึงเล่มปัจจุบัน ทำให้เราทราบเรื่องราวทั้งหมดของ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเป้าหมายหลักของเราในครั้งนี้จึงเป็นการเดินเข้าโรงภาพยนตร์ เพี่อเสพฉากแอ็กชันที่สร้างสรรค์โดยสตูดิโอ Ufotable โดยเฉพาะ
และพวกเขาก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะตัวภาพยนตร์มีการขยายและต่อยอดฉากแอ็กชันจากฉบับมังงะมากขึ้นพอสมควร โดยเฉพาะการต่อสู้ระหว่างเอ็นมุและทันจิโร่ ที่เรียกได้ว่าทีมสร้างยกระดับความเก่งกาจของอสูรข้างแรมที่ 1 เพิ่มเป็นเท่าตัว ส่งผลให้ฉากต่อสู้ดุเดือดยิ่งกว่าเดิม และสำหรับใครเป็นแฟนคลับตัวยงของ อิโนะสุเกะ เจ้าหมูป่าบุกทะล่วงคนนี้ละก็ คุณจะได้อิ่มเอมไปกับความบ้าคลั่งของชายผู้เลือดร้อนคนนี้แบบเต็มสูบ
ในขณะที่เนซึโกะและเซ็นอิทสึที่ไม่ได้มีบทบาทมากนักในภาคนี้ แต่ตัวภาพยนตร์ก็สร้างสรรค์ฉากไฮไลต์ให้กับเขาและเธอ ทั้งความน่ารักน่าชังของเนซึโกะ และการปรากฏตัวสุดเท่ของเซ็นอิทสึ จึงเสริมให้บทบาทของทั้งคู่โดดเด่นและมีฉากที่น่าจดจำเพิ่มขึ้น
ส่วนฉากการต่อสู้ระหว่างเร็นโงคุและอาคาสะ อสูรข้างขึ้นที่ 3 ก็เรียกได้ว่าเปลวไฟอันร้อนแรงของเสาหลักเพลิงคนนี้แทบจะทะลุออกมาจากจอภาพยนตร์จริงๆ เราจึงขอกล่าวคำสั้นๆ ให้กับฉากการต่อสู้ของพวกเขาเพียงว่า ‘มันยอดเยี่ยมจริงๆ’
ในพาร์ตเสียงพากย์ภาษาไทย ซึ่งแน่นอนว่าเราอาจจะไม่ได้รับอรรถรสที่เต็มเปี่ยมแบบฉบับพากย์ภาษาญี่ปุ่น แต่โดยส่วนตัวของผู้เขียนที่ชื่นชอบการพากย์ภาษาไทยอยู่แล้ว ก็ขอกล่าวแบบไม่เกินจริงว่าเหล่าทีมพากย์ชุดนี้ถ่ายทอดคาแรกเตอร์ของทุกตัวละครออกมาได้สนุกสนานมากทีเดียว
เริ่มต้นด้วย ไอซ์-พาริส อินทรโกมาลย์สุต นักแสดงหนุ่มเจ้าบทบาทที่มาให้เสียงเป็น เซ็นอิทสึ ซึ่งหากใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวของภาพยนตร์เรื่องนี้อยู่บ้าง ก็คงจะทราบกันดีถึงประเด็น ‘ความเหมาะสม’ ของการนำนักแสดงมาพากย์เสียงภาษาไทย และมีกระแสทวงคืนอาชีพให้นักพากย์มาก่อนหน้านี้
ซึ่งต้องยอมรับว่าในบางฉาก การพากย์เสียงของไอซ์ค่อนข้างโดดจากคาแรกเตอร์ของเซ็นอิทสึและตัวละครอื่นๆ อยู่พอสมควร แต่หนึ่งเรื่องที่เราชื่นชอบเป็นการส่วนตัว (และชอบจากใจจริง) คือการถ่ายทอดความโหวกเหวกโวยวายของเซ็นอิทสึ ไม่ว่าจะเป็นฉากร้องไห้ ฉากแสดงความรักกับเนซึโกะ ฉากที่ต้องกรี๊ดสุดเสียง เราคิดว่าไอซ์ถ่ายทอดนำเสียงและอารมณ์ออกมาได้อย่างโดดเด่นและสนุกสนานมากทีเดียว
สำหรับคาแรกเตอร์ที่เราชื่นชอบมากๆ คือ เติ้ล-นนท์ ศรีโพธิ์ ผู้ให้เสียงเป็น อิโนะสุเกะ ที่สร้างสรรค์เสียงตะโกนของเจ้าหมูป่าบุกทะลวงตัวนี้ออกมาได้สะใจสุดๆ รวมถึง โปร-นที สาครพันธรักษ์ (โปร กะหล่ำดอก) ผู้ให้เสียงเป็น อาคาสะ ก็ชวนให้เรารู้สึกถึงความน่าเกรงขามของอสูรข้างขึ้นที่ 3 ตนได้อย่างชัดเจน
ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ เราจึงอยากให้แฟนๆ ดาบพิฆาตอสูร ลองเปิดใจรับชม ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ ฉบับพากย์ภาษาไทยดูก่อน แล้วค่อยตัดสินกันอีกครั้งว่าคุณ ‘ชอบ’ หรือ ‘ไม่ชอบ’ อย่างไร
เพราะอย่างน้อยที่สุด คุณก็ได้ลองพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองแล้วจริงๆ
อีกหนึ่งสิ่งที่ ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ นำเสนอออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ฉากต่อสู้อันดุเดือด คือแกนหลักสำคัญของดาบพิฆาตอสูรที่ย้ำเตือนกับเราเสมอว่า จงก้าวต่อไป แม้ว่าอุปสรรคตรงหน้าจะยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม
แม้ว่าเรื่องราวเหล่านี้จะเป็นเนื้อหาที่ดูซ้ำซากและพบเจอได้บ่อยครั้งในการ์ตูนหลายๆ เรื่อง แต่เราก็ยังเชื่อมั่นว่าแกนหลักสำคัญเหล่านี้ที่การ์ตูนทุกเรื่องพยายามส่งมอบให้แก่ผู้อ่าน เป็นหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าการ์ตูนไม่ได้เป็นเพียงสื่อบันเทิงที่ขายฉากแอ็กชันสนุกๆ เพียงอย่างเดียว
เช่นเดียวกับเรื่องราวการต่อสู้ของทันจิโร่และพวกพ้อง ที่แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับเอ็นมุและอาคาสะ (อุปสรรค) อสูรข้างแรมและข้างขึ้นที่ยากจะเอาชนะ แต่พวกเขาก็ยังเลือกที่จะชูดาบของตัวเองขึ้นมา (ความกล้าหาญ) และเข้าต่อสู้กับอสูรตรงหน้าเพื่อปกป้องเหล่าผู้บริสุทธิ์ที่อยู่ด้านหลัง (เป้าหมาย)
เพราะเมื่อไรที่ค่ำคืนอันมืดมิดสิ้นสุดลง ดวงตะวันแห่งความหวังจะปรากฏอย่างแน่นอน
ดาบพิฆาตอสูร เดอะมูฟวี่: ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ เข้าฉายอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
สามารถรับชมตัวอย่างได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=_ntCsO8N7jA&t=11s
ภาพประกอบโดย
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล