รถไฟหุ้มเกราะลึกลับแต่เป็นที่สะดุดตาขบวนหนึ่งวิ่งจากชายแดนเกาหลีเหนือถึงจีน ท่ามกลางกระแสข่าวลือหนาหูว่าคิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ และครอบครัวอาจอยู่ในระหว่างเยือนจีน เพราะมีการอารักขาขบวนรถของบุคคลสำคัญที่เดินทางมากับรถไฟขบวนนี้อย่างเข้มงวดตลอดทางถึงกรุงปักกิ่ง
สำนักข่าว CNN รายงานว่า บริเวณรอบโรงแรมเตี้ยวหยูไถในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเคยใช้เป็นสถานที่รับรองอดีตผู้นำเกาหลีเหนือรุ่นก่อนๆ มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาในเช้าวันนี้ (27 มีนาคม) ขณะที่ผู้สื่อข่าว CNN ถูกตำรวจสั่งให้ออกจากพื้นที่ ก่อนที่ขบวนรถของบุคคลสำคัญจะมาถึงเพียงไม่นาน
นอกจากบริเวณรอบๆ โรงแรมเตี้ยวหยูไถแล้ว ตามสถานที่สำคัญในเมืองหลวงของจีนยังมีการคุมเข้มมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างผิดสังเกตเช่นกัน และมีการปิดถนนบริเวณจัตุรัสเทียนอันเหมิน ส่งผลให้สภาพจราจรในบริเวณนั้นติดขัด
หากอาคันตุกะจากแดนโสมแดงเป็นคิมจองอึนจริง จะถือเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับตั้งแต่คิมจองอึนขึ้นครองอำนาจผู้นำเกาหลีเหนือในปี 2011 และหากมีการหารือกันระหว่างเขากับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงตามที่หลายฝ่ายคาดการณ์ก็จะถือเป็นการประชุมระดับประมุขรัฐกับคิมจองอึนครั้งแรกเช่นกัน
การเดินทางเยือนจีนของคิมจองอึนครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่วิกฤตการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีเหนือเริ่มคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น หลังจากที่คิมและประธานาธิบดีมุนแจอินของเกาหลีใต้ตกลงพบปะกันครั้งแรกในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ นอกจากนี้การเยือนปักกิ่งยังเกิดขึ้นก่อนที่คิมจองอึนและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนพฤษภาคม เพื่อแก้ปัญหาพิพาทเรื่องอาวุธนิวเคลียร์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังตอกย้ำความแน่นแฟ้นระหว่างจีนกับเกาหลีเหนือ หลังมีคนตั้งข้อสังเกตว่าเกาหลีเหนืออาจกำลังตีตนออกห่างจีน เพื่อหันไปญาติดีกับเกาหลีใต้และสหรัฐฯ แทน
นักวิเคราะห์บางคนมองว่า การที่ผู้นำเกาหลีเหนือปรับเปลี่ยนท่าทีแบบหน้ามือเป็นหลังมือ หลังจากที่ดื้อดึงทดสอบขีปนาวุธและระเบิดนิวเคลียร์อย่างต่อเนื่องนั้น เป็นเพราะเขาอาจเริ่มรู้สึกถึงผลกระทบจากการถูกนานาชาติคว่ำบาตร หรือเกิดความเกรงกลัวว่าสหรัฐฯ อาจรุกโจมตีด้วยกำลังทหาร ขณะที่บางคนมองว่า คิมจองอึนอาจมองเห็นโอกาสที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
อดีตเจ้าหน้าที่เกาหลีเหนือซึ่งปัจจุบันแปรพักตร์มาอยู่เกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์กับ The Times ว่า หลังจากที่คิมจองอึนแสดงความเชื่อมั่นว่าเกาหลีเหนือสามารถพัฒนาโครงการอาวุธนิวเคลียร์จนสำเร็จ เขาก็แสดงท่าทีพร้อมเจรจาทันที นั่นอาจเป็นเพราะเขามีวิสัยทัศน์กว้างไกลกว่าคิมจองอิล (บิดา) และคิมอิลซุง (ปู่) เนื่องจากความสำเร็จของอาวุธเชิงยุทธศาสตร์อาจสร้างอำนาจต่อรองให้กับเกาหลีเหนือมากกว่าในอดีต ซึ่งบ่งชี้ว่า เขาเติบโตจนกลายเป็นนักการเมืองเต็มตัวนับจากวันที่สาบานตนรับตำแหน่ง นอกจากนี้เขายังมีความเป็นนักคิดเชิงกลยุทธ์มากขึ้น
อ้างอิง: