สิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ 11 มีนาคมที่ผ่านมา สำหรับการประชุมสุดยิ่งใหญ่ประจำปีอย่าง Two Sessions หรือการประชุมสองสภา ได้แก่ การประชุมสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งชาติ (CPPCC) และการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ซึ่งเริ่มต้นเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคม โดยปีนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษที่ไม่มีการแถลงหลังเสร็จสิ้นการประชุมของนายกรัฐมนตรีจีน ตามที่ได้มีการประกาศไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า นายกรัฐมนตรีหลี่เฉียงจะไม่จัดการแถลงข่าวหลังการประชุมสภา และเจ้าตัวยังประกาศด้วยว่า จะไม่จัดแถลงข่าวอีกจนกว่าจะหมดวาระเป็นอย่างน้อย ซึ่งเจตนารมณ์ของหลี่เฉียงครั้งนี้ถือว่าผิดธรรมเนียมปฏิบัติ
ขณะเดียวกันประธานาธิบดีสีจิ้นผิงของจีนเองก็ไม่ได้ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีปิดการประชุมสองสภา ทั้งๆ ที่โดยปกติแล้วสีจิ้นผิงจะกล่าวเฉพาะในพิธีปิดการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติชุดแรก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจสูงสุดในประเทศจีนและได้รับการเลือกตั้งทุกๆ 5 ปี โดยปีนี้ถือเป็นการประชุมสมัยที่ 2 ของการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ ครั้งที่ 14
ทั้งนี้ การแถลงข่าวนี้เป็นโอกาสที่หาได้ยากอย่างยิ่งที่สื่อมวลชนจะได้มีปฏิสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจีน และเป็นเรื่องที่รับทราบโดยทั่วกันว่า การประชุมประจำปีของผู้นำระดับสูงของจีนมักเป็นเรื่องของพิธีการเท่านั้น โดยอำนาจที่แท้จริงจะขึ้นอยู่กับพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งนำโดยสีจิ้นผิง ที่รั้งตำแหน่งเลขาธิการพรรคและประธานาธิบดี กระนั้น ข้อสรุปและการประกาศใดๆ ที่เกิดขึ้นในระหว่างการประชุม กลายเป็นสัญญาณบ่งชี้สำคัญที่บรรดานักวิเคราะห์ใช้ประเมินความชัดเจนต่อแนวนโยบายของรัฐบาล
เว็บไซต์ข่าวสถานีโทรทัศน์ CNBC ได้ประมวลสรุปสาระสำคัญของการประชุมสองสภาของจีนในปีนี้ โดยสามารถแบ่งได้เป็น 3 หัวข้อหลักๆ นั่นคือ เรื่องของสิ่งแวดล้อม (Environment), เศรษฐกิจภาคการผลิต (Economic Focus on Manufacturing) และโครงสร้างอำนาจภายในสภาประชาชนจีน (State Council Changes)
สำหรับเรื่องสิ่งแวดล้อม (Environment) นักวิเคราะห์ของ Citi ตั้งข้อสังเกตในรายงานซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มีนาคมที่ผ่านมา ระบุว่า นอกเหนือจากการอภิปรายอย่างละเอียดเกี่ยวกับการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมแล้ว รายงานการทำงานของรัฐบาล หรือ Government Work Report (GWR) ยังให้คำมั่นชัดเจนที่จะลดการใช้พลังงานต่อหัวจากผลิตภัณฑ์รวมภายในประเทศ (GDP) ลงประมาณ 2.5% ในปี 2024
กระนั้นก็เป็นที่น่าสังเกตว่า รายงาน GWR ดังกล่าวไม่ได้กำหนดเป้าหมายตัวเลขเฉพาะสำหรับปี 2022-2023 โดยการตัดสินใจครั้งนี้เป็นไปตามผลลัพธ์เชิงลบของเป้าหมาย -3.0% และการดำเนินการ ‘รูปแบบแคมเปญ’ (Campaign-Style) ซึ่งส่งผลให้เกิดไฟฟ้าดับในปี 2021 ดังนั้นนักลงทุนทั้งหลายจำเป็นต้องคำนึงถึงความเสี่ยงในการเติบโตของจีนอีกครั้งจากที่มีการปรับนโยบายสิ่งแวดล้อมให้เข้มงวดขึ้น
ภาคการผลิต เครื่องจักรดัน GDP
ในส่วนของเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นภาคการผลิต นักวิเคราะห์มองว่า การสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมอยู่ในอันดับแรกอย่างชัดเจนในรายการลำดับความสำคัญของจีนในปี 2024 ซึ่งรวมถึงการเพิ่มประสิทธิภาพในภาคการผลิต เพื่อลดการพึ่งพาการส่งออกและหันมาพึ่งพาการบริโภคภายในมากขึ้น โดยผู้วางแผนเศรษฐกิจระดับสูง (Top Economic Planner) ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า การผลักดันการอัปเกรดอุปกรณ์จะสามารถสร้างเม็ดเงินมากกว่า 6.945 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในส่วนประเด็นวิกฤตอสังหาริมทรัพย์กลับไม่ค่อยได้รับความสนใจมากเท่าไรนัก อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเคหะและการพัฒนาเมือง-ชนบทได้ออกมาแสดงความเห็นว่า ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ‘ที่ต้องล้มละลายก็ควรจะล้มละลาย’ และเตือนว่า ผู้ที่ทำลายผลประโยชน์ของมวลชนจะถูกสอบสวนและลงโทษ สะท้อนถึงจุดยืนของภาครัฐที่จะให้ความช่วยเหลือเท่าที่จำเป็นเท่านั้น
ด้านการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสภาแห่งรัฐของพรรคคอมมิวนิสต์ นักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า มีการปรับเปลี่ยนและแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่ช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับอำนาจของประธานาธิบดีสีจิ้นผิง รวมถึงเสริมความแข็งแกร่งสำหรับกฎหมายที่ใช้เพื่อการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ
ทั้งนี้ หนึ่งในกฎหมายที่มีการแก้ไขก็คือ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่กำหนดว่า คณะมนตรีของรัฐ หรือ State Council ต้องเคารพและปกป้องแกนนำพรรคซึ่งเป็นผู้รวมศูนย์ หรือก็คือประธานาธิบดีสีจิ้นผิงนั่นเอง ขณะเดียวกันก็มีการปรับตำแหน่งให้รองนายกรัฐมนตรีจีนและผู้ว่าการธนาคารกลางจีนเข้ามารวมอยู่ในกลุ่มผู้นำระดับสูงของสภา
และสำหรับผลของการปรับโครงสร้างว่าจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระบอบการปกครองของจีนไปอย่างไรยังคงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามต่อไป
อ้างอิง: