ตอนจบการแข่งขันเบสบอลเวิลด์ซีรีส์ 2024 หนึ่งในบุคคลที่รายการโทรทัศน์และงานแถลงข่าว รวมไปถึงสื่อต้องการตัวมากที่สุดคือ โชเฮ โอตานิ นักกีฬาเบสบอลชาวญี่ปุ่นที่สร้างปรากฏการณ์เป็นมนุษย์คนแรกในเมเจอร์ลีกเบสบอล (MLB) ที่ทำสถิติ 50/50 (ตี 50 โฮมรัน / ขโมยเบสได้อีก 50 ครั้ง) แถมยังได้เซ็นสัญญาประวัติศาสตร์มูลค่า 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นเวลา 10 ปี และเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ทำให้คนหันมาดูเบสบอลมากขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในญี่ปุ่นที่มีผู้ชมในซีรีส์นี้ราว 15.9 ล้านคน
แต่สิ่งหนึ่งที่เขาแตกต่างจากนักกีฬาชั้นนำของโลกโดยเฉพาะที่สหรัฐอเมริกาคือกำแพงภาษา เนื่องจากโชเฮไปร่วมทั้งรายการทีวีและงานแถลงข่าวหลังได้แชมป์พร้อมกับล่ามส่วนตัวที่คอยแปลภาษาญี่ปุ่นเป็นภาษาอังกฤษ
“คุณพูดภาษาอังกฤษให้เราฟังหน่อยได้ไหม?” ผู้สื่อข่าวภายในงานแถลงข่าวถามโชเฮ
ก่อนที่เขาจะหัวเราะและตอบผ่านล่ามว่า “ญี่ปุ่นละกัน”
แต่เรื่องกำแพงภาษาในวันนี้อาจมองได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ใช่อุปสรรคอะไรอีกต่อไป เมื่อเขาคือปรากฏการณ์หนึ่งของโลกกีฬาไปแล้ว และใครก็ตามที่อยากได้ยินเขาพูดก็ต้องยอมหาล่ามมาแปลให้กับเขา
แต่ช่วงแรกที่เขามาถึงสหรัฐฯ ตอนที่ลงแข่งให้กับทีมลอสแอนเจลิส แองเจิลส์ กำแพงภาษาของเขาถูกมองว่าจะเป็นปัญหาใหญ่โดยเฉพาะจากสื่อสหรัฐฯ เอง
“คนคนนี้เป็นคนที่พิเศษมาก อย่าเข้าใจผมผิดนะ แต่ความจริงที่เขาเป็นนักกีฬาต่างชาติที่ไม่พูดภาษาอังกฤษและต้องใช้ล่าม เชื่อไหมว่าสิ่งนี้จะทำร้ายเกมเบสบอล” สตีเฟน เอ. สมิธ หนึ่งในนักวิเคราะห์กีฬาชื่อดังของสหรัฐฯ กล่าวถึงโชเฮที่ยังไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ด้วยตนเอง
“ผมเข้าใจว่ากีฬาเบสบอลคือกีฬาสากล แต่เมื่อคุณพูดถึงคนดูไม่ว่าจะผ่านช่องทางไหนที่เขากำลังติดตามคุณ ผมคิดว่ามันไม่ช่วยอะไรเลยที่จะมีคนนั่งข้างๆ คอยแปลภาษาเพื่อให้คนทั้งประเทศนี้เข้าใจเขา”
คำกล่าวของ สตีเฟน เอ. สมิธ ถูกวิจารณ์อย่างหนักจนเขาต้องออกมาขอโทษทั้งแฟนเบสบอลและโชเฮในเวลาต่อมา
เรื่องภาษาที่สองเป็นสิ่งที่โชเฮยังคงถูกแฟนกีฬาหลายคนออกมาวิจารณ์ที่เขาไม่ยอมเรียนภาษา ขณะที่บางคนก็ยืนหยัดปกป้องการใช้ล่ามในการสื่อสารภาษาอังกฤษของเขา
ส่วนตัวเขาเองตอบกลับถึงกระแสวิจารณ์ต่างๆ เรื่องภาษาว่า
“แน่นอนว่าผมอยากพูดภาษาอังกฤษ มันจะเกิดประโยชน์ด้วยซ้ำ แต่ผมมาที่นี่เพื่อเล่นเบสบอล และสุดท้ายผมรู้สึกว่าวิธีการเล่นในสนามของผมคือวิธีที่ผมสื่อสารกับผู้คน กับแฟนๆ นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามทำเพียงอย่างเดียว”
โชเฮเป็นปรากฏการณ์ในวงการกีฬา ซึ่งบางคนมองว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับ ไทเกอร์ วูดส์ หรือ ไมเคิล จอร์แดน เพราะซูเปอร์สตาร์เหล่านั้นช่วยให้คนหันมาดูกีฬาที่พวกเขาลงเล่นมากขึ้นจากพรสวรรค์และตัวตนของเขาเอง
และเหมือนกับนักกีฬาระดับโลกทุกคนที่ครั้งหนึ่งต้องเคยผ่านการดูถูกหรือวิจารณ์ถึงสิ่งที่พวกเขาเป็น
ซึ่งโชเฮนอกจากเรื่องภาษาแล้ว ครั้งหนึ่งเขายังเคยถูกแมวมองวิเคราะห์ว่า ฝีมือของเขาพอๆ กับนักกีฬาเบสบอลระดับมัธยมศึกษาเท่านั้น โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อปี 2018 ช่วงต้นฤดูกาล นอกจากนี้แมวมองคนดังกล่าวยังวิจารณ์ที่เขาเป็นนักกีฬาเบสบอลแบบทูเวย์ที่เล่นได้ทั้งตำแหน่งแบตเตอร์และพิตเชอร์ ว่าเขาจะทำได้ดีเฉพาะในลีกของญี่ปุ่นเท่านั้น เนื่องจากระดับของ MLB นั้นเหนือกว่าหลายเท่าตัว
“เขาเหมือนตัวตีระดับ ม.ปลาย เพราะเขาไม่เคยเจอลูก Curveball ดีๆ มาก่อน เขาอาจเคยเห็น Fastball และลูกที่เปลี่ยนความเร็วมาบ้าง และคุณกำลังขอให้นักกีฬาระดับมหาวิทยาลัยก้าวข้ามไปแข่งระดับเมเจอร์ลีกเลยเหรอ?”
รายงานของทีมแมวมองกล่าวถึงโชเฮเมื่อต้นปี 2018 กับลอสแอนเจลิส แองเจิลส์
“คุณไม่มีวันเรียนรู้ได้ที่หน้างานในเมเจอร์ลีกนะ ไม่มีทาง
“จริงอยู่ที่เขาพิเศษ (การเป็นนักกีฬาแบบทูเวย์) แต่ผมไม่เชื่อว่าใครจะพิเศษได้ขนาดนั้น”
แต่โชเฮทำในสิ่งที่นักกีฬาชั้นนำของโลกทุกคนทำ นั่นคือความเชื่อมั่นในทางของตัวเอง ก้มหน้าก้มตาลงสนามแข่งขัน แม้ว่าจะมีเสียงวิจารณ์ต่างๆ เข้ามาระหว่างทางที่ทำให้พวกเขาต้องตั้งคำถามกับตัวเองอยู่บ่อยครั้ง
แต่นักกีฬาเหล่านี้เชื่อในสิ่งเดียวกันนั่นคือการปล่อยให้ผลงานทำหน้าที่สื่อสารด้วยตัวของมันเอง และโฟกัสในสิ่งสิ่งเดียว ‘นั่นคือทำอย่างไรถึงจะทำให้พวกเขาเก่งขึ้นได้’ เหมือนกับที่ โคบี ไบรอันต์ เคยกล่าวไว้ว่า
“บทเรียนที่ผมชื่นชอบมากที่สุดในชีวิต คือรักในสิ่งที่คุณทำ
“ครั้งหนึ่งเคยมีคนแนะนำผมว่า ผมไม่ควรเล่นบาสเกตบอล
“คุณอาจจะไม่เชื่อ แต่ผมรับฟังคำแนะนำของคนคนนั้น
“ผมฟังมัน ใช้มันเป็นแรงผลักให้ผมเป็นนักกีฬาบาสเกตบอลที่เก่งที่สุดที่เคยมีมา
“พลังงานลบของพวกเขาทำให้ผมแข็งแกร่งขึ้น
“คุณไม่สามารถหยุดผู้คนให้มาจำกัดความฝันของคุณได้
“คุณสามารถหยุดสิ่งที่พวกเขาพูด ไม่ให้เป็นความจริงได้”
หลังจากคำวิจารณ์ต่างๆ ที่โชเฮต้องพบเจอ ปัจจุบันเขาพาญี่ปุ่นคว้าแชมป์โลกด้วยการปาเอาชนะ ไมค์ เทราต์ จากสหรัฐฯ ในเวิลด์เบสบอลคลาสสิกเมื่อปี 2023 และพาลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์ส คว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์สมัยที่ 8 และคว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์สมัยแรกของเขาได้สำเร็จ
ผลงานต่างๆ ของเขาในสนามนำพามาซึ่งผู้สนับสนุน และถ้วยรางวัลในรูปแบบของเขาเองด้วยหลักการที่ว่า
“ผมรู้สึกว่าวิธีการเล่นในสนามของผมคือวิธีที่ผมสื่อสารกับผู้คน กับแฟนๆ นั่นคือสิ่งที่ผมพยายามทำเพียงอย่างเดียว”
และการเล่นให้ดีที่สุดกับพรสวรรค์ที่เขามี ก็เพียงพอแล้วที่จะพาเขาไปสู่จุดสูงสุดของโลกเบสบอลในปัจจุบัน โดยไม่จำเป็นต้องพูดภาษาอังกฤษเพื่ออธิบายให้นักวิเคราะห์คนไหนเข้าใจว่า พวกเขามองโชเฮผิดแค่ไหนในช่วงแรกที่เขาก้าวเข้ามายังเมเจอร์ลีกเบสบอลของสหรัฐฯ