“สวัสดีทุกท่านครับ”
เสียงของนักมวยที่เพิ่งกลับขึ้นชกเป็นไฟต์แรกท่ามกลางกระแสที่มีหลายคนมองว่าเขาหมดแล้ว เพราะด้วยสภาพร่างกายและน้ำหนักที่ชั่งเกิน 6.25 ปอนด์ จนต้องยอมจ่ายค่าชดเชยให้ เดนิส พูริช และขึ้นชกในพิกัดเฉพาะแคตช์เวต น้ำหนัก 141.25 ปอนด์
คนคนนั้นคือ รถถัง จิตรเมืองนนท์ ที่ขึ้นชกเป็นไฟต์แรกในรอบปีในรายการ ONE 167 และเขาก็เป็นฝ่ายชนะคะแนนพูริช
“ผมไม่ได้ชกมวยมาเกือบปี และน้ำหนักผมเกินเยอะ เนื่องจากผมรักษาตัว ขยับมือไม่ได้ 3 เดือนเต็มๆ
“คนนอกอาจจะไม่รู้ เพราะผมปิดบังตัวเองตลอด แล้วก่อนมาชกวันนี้ ตั้งแต่ผลออก ผมลดน้ำหนักไม่ได้ ผมเจอดราม่าเยอะมาก
“ผมเต็มที่ อยากชกมวยนานมาก แต่มีอาการบาดเจ็บ ผมทรมานตัวเอง ผมชอบชกมวย แต่มาเจอดราม่าเมื่อวานผมท้อมาก ไม่รู้จะสู้อย่างไรวันนี้ ผมเจอแรงกดดันเยอะมาก
“ถ้าแพ้ผมจะยืนบนเวทีนี้ต่อได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ แต่วันนี้ผมทำสำเร็จแล้ว ผมชนะได้ ผมขอบคุณทุกคนที่รักและชื่นชมผม”
ก่อนที่เขาจะร้องไห้กลางสังเวียนและก้าวออกจากสนาม เพราะเสียงปรบมือแทนกำลังใจจากแฟนๆ ในสนามที่ได้เห็นเขากลับมาขึ้นชกอีกครั้ง
ผมเองก็เป็นหนึ่งในคนที่รู้สึกดีใจที่เห็นรถถังกลับขึ้นชกอีกครั้ง เพราะทุกครั้งที่พูดคุยกับชาวต่างชาติ เมื่อพูดถึงมวยไทยหลายคนยกย่องให้รถถังเป็นหนึ่งใน ‘ฮีโร่’ ของเขา
แต่มาถึงคืนวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพียงไม่กี่วันก่อนขึ้นชกไฟต์ป้องกันแชมป์โลกรุ่นฟลายเวต กับ จาค็อบ สมิธ รถถังชั่งน้ำหนักไม่ผ่านอีกครั้งด้วยน้ำหนักที่มากเกินไป จนทำให้เสียแชมป์โลกตั้งแต่ยังไม่ขึ้นชก
เขาออกมาโพสต์ขอโทษทุกคนว่า
“7 ปีที่เราอยู่ด้วยกันมาผมเต็มที่ที่สุดแล้ว จากกันแล้วก็จะไม่จากไกล ผมสัญญาว่าจะเอากลับมาให้ได้ #ไม่ต้องด่าคนอื่นนะพี่ๆ ด่าผมคนเดียว ผมเต็มที่ที่สุดแล้ว”
สิ่งที่ตามมาคือกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย รวมถึงนักมวยต่างชาติหลายคนที่มองว่าสิ่งที่รถถังแสดงออกมาขาดความเป็นมืออาชีพ
เพราะความเป็นนักกีฬาอาชีพคือการทำให้ได้ตามมาตรฐานพื้นฐานของการแข่งขัน
ซึ่งในโลกกีฬาแล้วเรื่องนี้เป็นพื้นฐานที่สำคัญ เพราะกีฬาเป็นสนามจำลองชีวิตที่มีการแข่งขันสูงตลอดเวลา และเมื่อคุณไม่พร้อมที่จะทำตามกฎกติกาในการแข่งขัน สุดท้ายคุณจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในโลกของการทำงาน นั่นคือโอกาสในการแข่งขัน
เพราะสิ่งที่หลายคนทั่วโลกกีฬา โดยเฉพาะในกีฬามวยที่นักกีฬาหลายคนใช้เป็นอาชีพที่ใช้หาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ย่อมเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหาโอกาสในการแสดงฝีมือ
วันนี้ที่รถถังตกตราชั่ง แน่นอนว่าเหตุผลที่แท้จริงคงต้องรอรถถังอธิบายอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่สะท้อนออกมาให้เห็นอย่างหนึ่งจากการตกตราชั่งถึง 2 ครั้งติดต่อกัน คือหลายคนเริ่มจะขาดความเชื่อมั่นในการรักษาน้ำหนักของรถถังเอง
รถถังตอบคำถามเรื่องนี้อีกครั้งในวันนี้ (8 พฤศจิกายน) ว่า “ผมขอโทษจริงๆ แต่อยากให้เชื่อใจในตัวผม ผมเป็นนักมวยธรรมดาคนหนึ่งที่พร้อมจะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติเรา ที่พร้อมจะอนุรักษ์มวยไทยของเราไว้ให้นานที่สุด
“ผมต้องขอโทษคนไทยทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง แล้วก็ทุกๆ สิ่ง ทุกๆ อย่างที่ผมทำ ไม่มีคำไหนนอกจากขอโทษ เราไม่อยากพูดอะไรมาก แต่เชื่อเถอะครับผมรักมวยไทย ผมอยากให้มวยไทยไปในระดับโลกครับ”
นอกจากตัวเขาแล้ว เสียงวิจารณ์ต่างๆ ยังพุ่งไปยังคนรอบตัวของรถถัง แต่สิ่งนี้เป็นเรื่องที่รถถังพูดถูกแล้วว่าหลายอย่างขึ้นอยู่กับตัวเขาเองคนเดียว
แต่สิ่งที่อยากให้รถถังมองเห็นมากกว่านี้คือเสียงวิจารณ์ต่างๆ เกิดขึ้นจากความคาดหวัง เพราะผู้คนที่ออกมาวิจารณ์ทุกวันนี้คือหลายคนที่ครั้งหนึ่งเคยสนับสนุน ชื่นชอบ และที่สำคัญเฝ้ารอเชียร์รถถังในการขึ้นชก เพราะคุณคือฮีโร่ของเขา เหมือนกับที่ ONE พยายามทำตลอดมา คือสังเวียนที่ใช้ในการสร้างแรงบันดาลใจและฮีโร่
วันนี้ที่รถถังไม่สามารถทำน้ำหนักได้ อารมณ์ของคนที่วิจารณ์หลายคนคือผิดหวัง เหมือนกับครั้งแรกที่ทำน้ำหนักไม่ได้
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดซึ่งจะเกิดขึ้นสำหรับเขาและทีมคือการสูญเสียสิ่งสำคัญที่สุดเป็นอย่างแรกคือโอกาส เพราะวันนี้ต้องยอมรับว่าเขาทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ควรจะเป็น
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือหากวันหนึ่งเขาตกตราชั่งอีกครั้งและไม่มีใครผิดหวัง เพราะทุกคนคิดไปแล้วว่ารถถังไม่ใช่ฮีโร่ แต่คือคนที่ทุกคนคิดว่าจะทำน้ำหนักไม่ได้ และวันนั้นเขาก็อาจจะหมดสถานะต่างๆ ทั้งแชมป์ ชื่อเสียง และความสำเร็จ ที่เขาสร้างมาเป็นเวลาหลายปี
หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดในสังเวียนสี่เหลี่ยมผืนผ้าคือ ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ เขาเสียงดัง ปาร์ตี้หลายครั้ง ฝีปากกล้า แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยละทิ้งคือระเบียบวินัยในการฝึกซ้อม
Hard Work Dedication คือสิ่งที่ตัวเขาและคนในยิมตะโกนต่อเนื่องในขณะที่เขาฝึกซ้อม
ครั้งหนึ่งเขาเคยตอบคำถามในช่วงที่เหนื่อยที่สุดในชีวิต ก่อนขึ้นชกกับ มิเกล คอตโต เมื่อปี 2012
“ในชีวิตคุณก็จะพบกับอุปสรรคและปัญหาในอาชีพ แต่คุณต้องเป็นคนที่เข้มแข็ง
“ถ้าใครก็ตามที่ติดตามอาชีพผมมา พวกเขาจะรู้ว่าผมพบกับอุปสรรคมามากมายทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง แต่ทุกความท้าทายสำหรับผม ผมออกไปเผชิญหน้า ทำให้ดีที่สุด และจะยกมวยสากลเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมเสมอ”
