ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดูภายนอกอาจจะเป็นนักเตะซูเปอร์สตาร์ที่แค่เดินเข้าห้องแต่งตัวทุกคนย่อมหวั่นเกรง ด้วยบุคลิกที่เต็มไปด้วยความเป็นผู้นำ
แต่ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่าว่า เขาโดนเตะกล่องเปล่าใส่หัวเต็มๆ แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นไปเห็นคนเตะ เขายอมถอยกลับลงนั่งบนม้านั่งและฟังเฮดโค้ชคนนั้น
ซึ่งกุนซือคนนั้นกำลังโมโหอย่างหนักที่ทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมง โชว์ฟอร์มได้อย่างย่ำแย่ในครึ่งแรกกับ เอวิยอง
“เราเล่นเกมกับเอวิยอง เป็นเกมเยือน” ซลาตันเล่าย้อนไปถึงวันที่เกิดเหตุ
“ผมจำได้ว่าที่นั่นหนาวมาก สภาพสนามย่ำแย่ และ เราเล่นได้ไม่ดีในครึ่งแรก ตอนพักครึ่งเรารู้เลยว่าจะมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น เพราะคิ้วของโค้ชยกขึ้นไปสูงมาก ตอนที่ผมกำลังนั่งลงในห้องแต่งตัว ผมรู้เลยว่าเขาโกรธมาก เขาเริ่มพูดกับเรา และมีกล่องเปล่าอยู่หน้าเขาพอดี และอยู่ดีๆ เขาก็เตะกล่องนั้นลอยไปในอากาศมาตกที่หัวผมพอดี ผมได้แต่บ่นด้วยความตกใจ แต่ก็เข้าใจว่าเขาโกรธมาก เพราะผมไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน”
โค้ชคนที่ซลาตันกล่าวถึงในวันนั้นก็คือ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือมากประสบการณ์ชาวอิตาเลียน ที่กำลังคุมทีมปารีส แซงต์ แชร์กแมงอยู่ในเวลานั้น
“สำหรับคาร์โล สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเคารพ เพราะเมื่อเขาให้ความเคารพคุณแล้ว เขาคาดหวังให้คุณมอบความเคารพให้กับเขา และเมื่อคุณไม่เคารพเขา เขาก็พร้อมมีปัญหาด้วย แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมีต่อเขามากคือความเคารพ
“คาร์โล คือโค้ชคนที่ดีที่สุดที่ผมเคยทำงานด้วย
“มูรินโญ ทุกอย่างคือสงครามจิตวิทยา แน่นอนว่ามันช่วยให้ผมดึงศักยภาพสูงสุดออกมาได้
“มูรินโญรู้วิธีการดูแลนักฟุตบอล แต่สำหรับคาร์โล เขารู้วิธีการดูแลคน
“สำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เขามีมันสมองด้านฟุตบอล เขามีวิธีแก้ไขทุกสถานการณ์ในฟุตบอล เขาเป็นเหมือนกับเครื่องจักร
“แต่ในฐานะความสัมพันธ์ส่วนตัว ผมไม่เห็นด้วยกับเขาในหลายๆ เรื่อง เพราะเขาทำเหมือนกับว่าเราอยู่ในโรงเรียน และนักฟุตบอลคือนักเรียน
“สำหรับคาร์โล ผมคุยได้กระทั่งเรื่องส่วนตัวและฟุตบอล ตอนที่ผมมีปัญหา ผมกล้าที่จะคุยกับเขา โดยเฉพาะตอนที่ผมต้องการคำแนะนำ เขาจะเป็นคนที่พึ่งพาได้ ไม่ใช่แค่สำหรับผม แต่สำหรับทั้งทีม
“คาร์โลยังเป็นคนที่พร้อมปกป้องนักเตะ ถ้าบางคนมาซ้อมสาย เขาจะเรียกเข้าพบ และถามว่าทำไมถึงมาสาย พร้อมบอกว่าขอให้ไม่เกิดขึ้นอีก พร้อมทั้งบอกให้มีความเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ และบางครั้งเขาก็จะพูดต่อว่า ครั้งหน้าไปไหนอย่าลืมชวนไปด้วย
“ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเขากับนักเตะบางครั้งก็ถูกมองว่าเป็นความไม่เด็ดขาด โดยเฉพาะที่เรอัล มาดริด บางครั้งสโมสรก็มองว่าคาร์โลใจดีเกินไปจนถูกนักเตะเอาเปรียบ
“แต่ผมเข้าใจว่าคนที่ไม่มีประสบการณ์ในทีมที่ศักยภาพสูงก็จะไม่เข้าใจ ว่าการสร้างบรรยากาศที่ดีเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนักฟุตบอล
“ผมจำได้ว่าเราออกไปกินข้าวเย็นกันที่ร้านอาหารอิตาลี เรามีกัน 7-8 คนจากทีม ซึ่งเรากินกันจนดึก เวลาเลยไปถึงห้าทุ่ม บางคนก็บอกให้ลองโทรหาคาร์โล บางคนก็ไม่เชื่อว่าคาร์โลจะรับสาย บ้างก็คิดว่าจะโดนดุด่าว่าทำไมกินกันจนดึก แต่สุดท้ายเราก็โทรหาเขาอยู่ดี สิบนาทีต่อมา คาร์โลก็มาหาเรา มาดื่มกับเรา นั่งคุย เล่นมุกตลกกัน และกลับบ้านหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ลองบอกผมสิว่ามีโค้ชคนไหนในโลกที่กล้าทำแบบนี้?
“เมื่อคุณมีคนที่พร้อมจะทำแบบนี้ร่วมกับทีม คุณก็พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อเขา ความมั่นใจที่เขามีในตัวคุณ และความมั่นใจจากพวกเราที่จะมอบให้เขาคืน คุณก็พร้อมที่จะตายเพื่อเขา ในฟุตบอลการรับคำสั่งจากผู้นำ คุณต้องเชื่อมั่นในตัวเขาก่อนเป็นอย่างแรก”
ในยุโรปมีโค้ชเพียงคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ทั้ง 5 ลีก คนคนนั้นก็คือ คาร์โล อันเชล็อตติ เขาไม่ได้มีชื่อเสียงแค่ด้านแท็กติก แต่เป็นเรื่องของการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับนักฟุตบอลชั้นนำของโลก
โรนัลโด R9, คริสเตียโน โรนัลโด, เดวิด เบ็คแฮม, กาก้า, ริวัลโด ไปจนถึง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช คือรายชื่อส่วนหนึ่งของนักฟุตบอลระดับโลกที่เคยร่วมงานกับเขา
สิ่งหนึ่งที่หลายคนให้การยกย่องคาร์โลเหมือนกันคือ เขาเป็นกุนซือที่เข้าใจคน และมีความเป็นมืออาชีพสูง
แต่ในขณะเดียวกันก็สามารถทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของผู้นำ คือการเข้าไปนั่งในใจของคนที่เขาบริหารและสร้างความศรัทธาในตัวเขา