×

KEY SUCCESS: Building a Culture of Success

02.06.2024
  • LOADING...

“ตอนที่ผมออกจากปารีส แซงต์ แชรก์แมง หลังจากคว้าแชมป์ลีกเอิง ผมรู้ว่าผมกำลังไปยังสโมสรที่เต็มไปด้วยคว้าท้าทายทางด้านความเป็นผู้นำสูงที่สุดสโมสรหนึ่งในโลก” คาร์โล อันเชล็อตติ กล่าวถึงประสบการณ์ครั้งแรกที่เขาตัดสินใจย้ายมาคุมทีมเรอัล มาดริด เมื่อปี 2013 

 

“แต่ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรเรอัล มาดริด ก็ยกย่องผมอย่างมาก เขามองว่าผมเป็นกุนซือที่จะนำพาความสงบมาสู่สโมสร แต่ผมรู้ดีว่าเปเรซเป็นประธานสโมสรที่จ้างและปลดกุนซือเป็นว่าเล่น 

 

“ผมรู้ดีว่าที่มาดริดมาตรฐานของพวกเขาอยู่ในระดับสูง นี่ไม่ใช่ที่ที่จะฝังรากและอยู่กับสโมสรยาวนานได้ เพราะคุณจะมีช่วงฮันนีมูนในตอนแรก ตามมาด้วยช่วงที่ต้องรักษามาตรฐานความสำเร็จอันยากลำบาก” 

 

การไปสู่เรอัล มาดริดครั้งแรกของเขา คาร์โลรู้ดีว่าเขาต้องพบเจอกับความท้าทายครั้งใหญ่ที่สุดในอาชีพการเป็นกุนซือ และนี่คือสิ่งที่เขาเลือกใช้สำหรับการสร้างวัฒนธรรมการทำงานในองค์กรที่เต็มไปด้วยความคาดหวังระดับสูงตลอดเวลา 

 

1. Find the Leader 

 

“สิ่งแรกที่ผมทำที่มาดริดคือ สร้างบรรยากาศที่ดีในห้องแต่งตัว หลังจากมูรินโญออกจากตำแหน่งไป นักเตะหลายคนมีความกังวล และผมต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเตะซีเนียร์ 

 

“สิ่งที่ผมมองหาอย่างแรกคือ ผู้นำในทีม เช่น เซร์คิโอ รามอส, คริสเตียโน โรนัลโด และ เปเป้ ผมอยากให้พวกเขาเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นภายในทีม 

 

“ผมเลือกใช้วิธีการยกตัวอย่างคนที่เป็นมืออาชีพที่ดีที่สุด 

 

“ผมเคยมีปัญหากับนักเตะคนหนึ่ง เขาออกจากสนามซ้อมไปทั้งๆ ที่ยังไม่หมดเวลาซ้อม และกลับเข้ามาในห้องแต่งตัวโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากผม ผมบอกเขาว่า อย่างไรคุณก็ต้องซ้อม ถ้าคุณไม่อยากมีชื่อเสียงว่าเป็นคนแบบนี้

 

“นักเตะคนนั้นบ่นว่า ทำไมคนอื่นไม่เห็นซ้อมหนักเหมือนกันในโปรแกรมซ้อมวันนี้ และเขารู้สึกเหมือนโดนโกง โดนกินแรง  

 

“ผมเลยบอกเขาว่า แต่วันนี้นักเตะที่เหลืออีก 16 คนกำลังโฟกัสและฝึกซ้อมอย่างหนัก และคุณเลือกที่จะโฟกัสที่คนคนเดียวที่ไม่ได้ฝึกซ้อมตามแผน ทำไมคุณถึงเลือกที่จะพูดกับผมถึงคนที่ไม่ทำงาน ทำไม ทำไมถึงไปโฟกัสคนคนนั้น ทำไมคุณไม่โฟกัสที่นักเตะระดับโลกในสนามซ้อมวันนี้ อย่าโฟกัสที่นักเตะคนเดียวที่มีพฤติกรรมที่ไม่ดี เพราะนั่นจะกลายเป็นข้ออ้างสำหรับตัวคุณเองที่จะทำตาม ถ้าเพื่อนร่วมทีมคุณคิดแบบนี้หมด และมองคุณไม่ซ้อม และตัดสินใจทำตามกันหมด เราก็จะไม่เหลือใครในสนามซ้อมเลย’

 

“ผมอธิบายสิ่งเหล่านี้ให้นักเตะทุกคนฟัง บอกเขาว่า ถ้าเขาอยากจะเป็นคนที่มีคุณค่าแบบ คริสเตียโน โรนัลโด เขาต้องยิงให้ได้ 60 ประตูต่อฤดูกาล หรือมากกว่า นั่นต่างหากที่ควรจะเป็นต้นแบบของคุณ 

 

“คุณต้องเปลี่ยนทัศนคติใหม่ เพราะคุณควรจะโฟกัสกับตัวอย่างที่ดี” 

 

2. Listening, Learning, being Adaptable

 

อันเชล็อตติเชื่อว่า การเป็นผู้นำที่จะสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เต็มไปด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง มีองค์ประกอบ 3 อย่าง คือ Listening, Learning, being Adaptable เพื่อให้เขาได้รับไอเดียที่สดใหม่และดีที่สุดสำหรับการหาแนวทางใหม่ๆ ให้กับทีม 

 

“เสน่ห์ของเรอัล มาดริด คือการทำงานเป็นระบบ ที่ปารีส แซงต์ แชรก์แมง ผมคือกุญแจสำคัญที่สุดในการทำงาน แต่ที่เรอัล มาดริด ผมเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่งของวัฒนธรรมที่สโมสรแห่งนี้ ตั้งแต่คนดูแลชุดแข่งไปจนถึงนักกายภาพ ทุกคนต่างก็ทำงานที่นี่มาเป็นเวลานานและรู้หน้าที่ตัวเองอย่างดี

 

“จนทำให้ผมสามารถโฟกัสในสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ทำอย่างไรเราถึงจะเก่งขึ้นไปอีก 

 

“การพัฒนาทีมคืองานของผม ทุกวันผมจะคุยกับทีมงาน เราจะจัดโปรแกรมฝึกซ้อมร่วมกัน ผมคุยกับนักกายภาพ แพทย์ประจำทีม ผู้ช่วยโค้ช ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมกับไอเดียใหม่ๆ ของผม ทุกคนสามารถออกความคิดเห็นที่นำไปสู่การปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา เพื่อหาแนวทางพัฒนาที่เหมาะสมที่สุด 

 

“รับฟัง เรียนรู้ และปรับตัว คือสิ่งสำคัญในการพัฒนาวัฒนธรรมองค์กร 

 

“สิ่งที่ผมเรียนรู้เกี่ยวกับการเปิดรับไอเดียใหม่ๆ คือ ผู้นำไม่สามารถที่จะหยุดนิ่งได้ เขาต้องพยายามพัฒนาและเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง 

 

“ผมพร้อมที่จะเปิดรับไอเดียจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหัวหน้าผม ลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เจ้าหน้าที่ทีม นักเตะ หรือแม้กระทั่งคนนอกวงการฟุตบอล วัฒนธรรมที่พร้อมจะพัฒนาตัวเองตลอดเวลาคือสิ่งสำคัญที่สุดของความสำเร็จ” 

 

3. Personal-Professional Relationship 

 

‘ดอน คาร์โล’ ยังเชื่อมั่นว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของวัฒนธรรมสโมสรฟุตบอล คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับนักเตะ ด้วยการวางกฎเกณฑ์ที่มีทั้งกฎตายตัวและกฎที่ยืดหยุ่นได้

 

“เมื่อคุณทำงานในระดับสูงสุด แน่นอนว่าคุณจะทำงานกับซูเปอร์สตาร์ทั้งนั้น ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือการสื่อสารกับนักเตะซูเปอร์สตาร์ และการสื่อสารที่ว่าต้องเป็นความสัมพันธ์แบบมืออาชีพเท่านั้น 

 

“พวกเขาต้องเข้าใจว่า แม้ว่าพวกเขาจะมีเงินเดือนสูงกว่าเพื่อนร่วมทีม แต่พวกเขาจะไม่สามารถคาดหวังการดูแลที่พิเศษกว่าคนอื่น เขาต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์เดียวกันกับทุกคน ซึ่งก็คือกฎของห้องแต่งตัว 

 

“นักเตะทุกคนต้องเข้าใจว่าเรามีความยืดหยุ่นและความเท่าเทียมสำหรับทุกคน นี่เป็นหน้าที่ของผมในการทำให้พวกเขาปฏิบัติตามหลักการนี้ 

 

“กฎในห้องแต่งตัวก็เหมือนกับกฎการทำงานในทุกๆ ที่ นั่นคือ ทุกคนต้องรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่องค์กรรับได้ และสิ่งไหนเป็นสิ่งที่ทำไม่ได้เด็ดขาด 

 

“นั่นคือข้อแตกต่างระหว่างวัฒนธรรมและสภาพอากาศ เพราะสภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละวัน แต่วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เราต้องมีทั้งกฎที่ตายตัวและกฎที่ยืดหยุ่นได้ 

 

“ผมมีกฎตายตัวเพียงข้อเดียวนั่นคือ คุณต้องเป็นมืออาชีพ แต่ผมไม่สามารถควบคุมกฎข้อนี้ได้ เพราะผมควบคุมนักเตะได้เฉพาะในสนามแข่งและสนามซ้อม ผมควบคุมความเป็นมืออาชีพกับพวกเขาได้เพียงตอนที่เราอยู่ด้วยกัน แต่ผมไม่สามารถควบคุมพวกเขาเวลาที่พวกเขาอยู่บ้านหรือนอกสโมสรได้ 

 

“นี่เป็นเหตุผลที่ผมต้องบอกนักเตะว่า เราคาดหวังอะไรจากพวกเขาตลอดเวลา แต่ผมทำแค่พูดอย่างเดียวไม่ได้ ผมต้องพยายามโน้มน้าว และให้ความเชื่อใจพวกเขาก่อนเป็นอย่างแรก” 

 

ปีแรกที่เข้ามาคุมทีมเรอัล มาดริด คาร์โล อันเชล็อตติ เขาแต่งตั้ง พอล เคลเมนต์ และ ซีเนดีน ซีดาน เป็นผู้ช่วยโค้ช และคุมนักเตะชั้นนำของโลก ทั้ง คริสเตียโน โรนัลโด, ซาบี อลอนโซ, อิเกร์ กาซิยัส และ เซร์คิโอ รามอส 

 

ปีนั้น ทีมได้เซ็นสัญญากับนักเตะอย่าง แกเร็ธ เบล, คาเซมิโร และอิสโก เข้ามาร่วมทีม 

 

เขาพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกสมัยที่ 10 ให้กับสโมสร หลังจากที่ไม่ได้แชมป์รายการนี้มากว่า 10 ปี และคว้าแชมป์โกปา เดล เรย์ ในฤดูกาลแรกเช่นกัน 

 

นี่คือสไตล์การสร้างวัฒนธรรมองค์กรในรูปแบบของ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือที่ขึ้นชื่อเรื่องการเข้ามาสร้างวัฒนธรรมในการทำงาน และสร้างความสงบในห้องแต่งตัว รวมไปถึงสร้างความสบายใจให้คนที่ร่วมงานด้วย และสร้างความสำเร็จให้องค์กรที่เขาทำงานให้ 

 

สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับสโมสรหรือองค์กรใดๆ คือการที่คนคนหนึ่งก้าวเข้าไปทำงานในที่แห่งนั้นแล้วก้าวออกมาโดยที่องค์กรอยู่ในจุดที่ดีกว่าวันที่เขาก้าวเข้ามานั่นเอง

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

X
Close Advertising