ท่ามกลางไฟสงครามในยูเครนที่กำลังลุกโชน รัสเซียเผชิญข้อกล่าวหาว่าอาจมีการใช้อาวุธร้ายแรงอย่างระเบิดสุญญากาศ (Vacuum Bombs) หรืออาวุธเทอร์โมบาริกในสมรภูมิยูเครน ซึ่งสร้างความวิตกกังวลเกี่ยวกับอานุภาพทำลายล้างสูงและหายนะที่อาจเกิดขึ้นจากการโจมตีด้วยอาวุธดังกล่าว
-
ระเบิดสุญญากาศคืออะไร ร้ายแรงแค่ไหน
อาวุธเทอร์โมบาริก หรือ ‘ระเบิดสุญญากาศ’ เป็นอาวุธสองขั้นตอนที่สร้างแรงระเบิดขนาดมหึมา โดยยิงจากจรวดหรือกระสุนปืนใหญ่ ซึ่งประจุระเบิดครั้งแรกจะเปิดเปลือกออกและกระจายละอองลอยของเชื้อเพลิงไปรอบๆ เพื่อให้เกิดเป็นกลุ่มควัน จากนั้นประจุระเบิดที่ 2 จะทำให้เกิดประกายไฟขนาดใหญ่ สร้างการระเบิดที่รุนแรง คลื่นแรงดันขนาดใหญ่ และสุญญากาศ ในขณะที่ออกซิเจนในอากาศรอบๆ ถูกดูดเข้าไป ซึ่งอานุภาพของมันสามารถสร้างความเสียหายเป็นบริเวณกว้าง
เดวิด จอห์นสัน อดีตทหารพันเอกสังกัดกองทัพบกสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันเป็นนักวิจัยองค์กรวิจัยนโยบายไม่แสวงกำไร RAND Corporation ในแคลิฟอร์เนีย กล่าวว่า “มันคืออาวุธทำลายล้างที่น่าหวาดกลัว”
จอห์นสันบอกว่า บางครั้งอาวุธเทอร์โมบาริกสามารถทำลายล้างมนุษย์ในบริเวณใกล้เคียง โดยเหยื่อจะถูกระเบิดเสียชีวิต หรือถูกคลื่นอัดกระแทก โดยที่สุญญากาศจากอาวุธนี้อาจทำให้ปอดมนุษย์ฉีกขาดได้
ถึงแม้ว่าระเบิดสุญญากาศไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับเขตพื้นที่เมือง แต่มันมีอันตรายถึงชีวิต หากยิงเข้าไปในตึกอาคารหรือพื้นที่ที่มีคนอาศัยอยู่หนาแน่น
-
ข้อบ่งชี้การใช้อาวุธเทอร์โมบาริกของรัสเซีย
ออกซานา มาร์คาโรวา ทูตยูเครนประจำสหประชาชาติ เผยเมื่อวันจันทร์ (28 กุมภาพันธ์) ที่ผ่านมา ว่าทหารรัสเซียใช้ระเบิดสุญญากาศในยูเครน อย่างไรก็ตาม มาร์คาโรวาไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งแม้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่ารัสเซียใช้อาวุธชนิดนี้ แต่ทีมข่าว CNN เคยถ่ายภาพยานพาหนะติดเครื่องปล่อยจรวดเทอร์โมบาริกของรัสเซียที่ลำเลียงเข้าสู่ประเทศยูเครน
มาร์โก รูบิโอ วุฒิสมาชิกรีพับลิกันจากรัฐฟลอริดา ซึ่งอยู่ในคณะกรรมาธิการการข่าวกรองของวุฒิสภาสหรัฐฯ ทวีตข้อความเมื่อวันเสาร์ (26 กุมภาพันธ์) ว่ารัสเซียได้ติดตั้งยานพาหนะด้วยอาวุธเทอร์โมบาริก ขณะที่เจ้าหน้าที่กลาโหมระดับสูงอีกคนยืนยันว่า สหรัฐฯ มีการประเมินแล้วว่ารัสเซียได้ติดตั้งระบบปล่อยจรวดที่สามารถใช้กับอาวุธเทอร์โมบาริกได้ แต่เขาไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีหัวรบนั้นหรือไม่
ข้อกล่าวหาดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลมากขึ้น หลังองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่ง เช่น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล และฮิวแมนไรท์วอทช์ ออกมาแสดงความวิตกก่อนหน้านี้ว่า รัสเซียกำลังโจมตีตามอำเภอใจในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ซึ่งอาจก่อให้เกิด ‘อาชญากรรมสงคราม’
สำหรับชนิดของอาวุธเทอร์โมบาริกที่พบในขบวนรถทหารของรัสเซียในยูเครนนั้นรู้จักกันในชื่อเครื่องปล่อยจรวดหลายลำกล้อง TOS-1A ซึ่งมีพิสัยยิงอยู่ที่ราว 4 กิโลเมตร และรัศมีการระเบิดแผ่ขยายออกไปประมาณ 1,000 ฟุต
จอห์นสันระบุว่า อานุภาพอาวุธนี้จะทำให้ทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีระเหยเป็นไอ
บางครั้งอาวุธเทอร์โมบาริกก็มีชื่อเล่นว่า ‘ผู้ทำลายบังเกอร์’ เพราะมันสามารถทำลายกำแพงป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
เคยมีการใช้อาวุธนี้ในอดีตหรือไม่
อาวุธเทอร์โมบาริกหลายชนิดได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 ซึ่งมีหลักฐานว่าทหารรัสเซียเคยใช้กับกลุ่มเชเชนในเชชเนียในทศวรรษ 1990
นอกจากนี้ยังมีหลักฐานบางชิ้นบ่งชี้ว่า กองกำลังรัฐบาลซีเรียและกองกำลังพันธมิตรรัสเซียเคยใช้ในอเลปโปในปี 2016
จอห์นสันระบุด้วยว่า สหรัฐอเมริกาเองก็เคยใช้อาวุธชนิดนี้เพื่อทำลายถ้ำและอุโมงค์ในอัฟกานิสถานเมื่อปี 2017
-
มีกฎห้ามใช้ระเบิดสุญญากาศในสงครามหรือไม่?
ข้อมูลจาก BBC ระบุว่า ที่ผ่านมาไม่มีกฎหมายระหว่างประเทศที่ห้ามใช้อาวุธนี้โดยเฉพาะ แต่หากมีประเทศใดใช้อาวุธเทอร์โมบาริกโจมตีพลเมืองในพื้นที่ที่มีสิ่งปลูกสร้าง โรงเรียน หรือโรงพยาบาล อาจถูกตัดสินว่าก่ออาชญากรรมสงครามภายใต้อนุสัญญากรุงเฮกปี 1899 และปี 1907
ขณะที่ คาริม ข่าน อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ เผยว่า ศาลจะดำเนินการสืบสวนว่ามีการก่ออาชญากรรมสงครามในยูเครนหรือไม่
“มันก็เหมือนกับระเบิดนิวตรอน แม้ไม่มีข้อห้ามใช้ แต่ทุกคนก็ตระหนักดีถึงความน่ากลัวของมัน” จอห์นสันกล่าว
ถึงแม้ยังไม่มีหลักฐานบ่งชัดว่ากองกำลังรัสเซียได้ใช้ระเบิดสุญญากาศในยูเครนแล้ว แต่จอห์นสันเตือนว่าไม่ช้าก็เร็วรัสเซียอาจนำมาใช้
“ผมไม่สงสัยเลยว่ารัสเซียจะใช้อาวุธเทอร์โมบาริก” จอห์นสันกล่าว “พวกเขานำอาวุธนี้ไปที่นั่น เพราะอาวุธเหล่านี้ใช้ในการสู้รบได้ ซึ่งเมื่อถึงจุดหนึ่ง รัสเซียจะปะทะกับบางสิ่ง ไม่ว่าจะอยู่ในเมืองใดเมืองหนึ่งหรืออยู่ในตำแหน่งตั้งรับ และนั่นก็จะเป็นอาวุธที่พวกเขาเลือก”
ภาพ: Leonid Faerberg / SOPA Images / LightRocket via Getty Images
อ้างอิง: