ซาดิโอ มาเน กับการตัดสินใจอำลาที่ลิเวอร์พูลยังไม่พร้อมจะปล่อยมือ

ในขณะที่รถแห่ฉลอง ‘ดับเบิลแชมป์’ ของลิเวอร์พูลเคลื่อนตัวผ่านฝูงค็อปชนจำนวนมหาศาลร่วมครึ่งล้านคนที่มาร่วมกันทั้งฉลองในความสำเร็จที่ได้แชมป์ลีกคัพและเอฟเอคัพ และปลอบประโลมทีมที่ผิดหวังกับแชมป์พรีเมียร์ลีกและยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก สองรายการใหญ่ที่หลุดมือไปเพียงแค่นิดเดียว คนที่ถูกจับตามองมากที่สุดบนรถแห่คือ ซาดิโอ มาเน กองหน้าตัวเก่งชาวเซเนกัล

มาเนอยู่บนรถด้วย เขาแต่งตัวสนุกสนานพอประมาณด้วยหมวกเบสบอลสีแดงพร้อมผ้าพันคอของทีม คอยโบกมือกลับให้แก่แฟนๆ ที่มาให้กำลังใจกันเต็มสองข้างทาง แต่ในเวลาเดียวกันด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อยทำให้เดอะค็อปจำนวนมากใจหาย และกลัวว่าการโบกมือของกองหน้าจอมแกร่งรายนี้จะเป็นการโบกมือเพื่อบอกลามากกว่าเพื่อทักทายแฟนบอล

ข่าวการย้ายทีมของกองหน้าที่ เจอร์เกน คล็อปป์ ดึงตัวมาจากเซาแธมป์ตันในช่วงฤดูร้อนปี 2016 กระหึ่มขึ้นมาในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของฤดูกาล หลังเริ่มมีรายงานว่ามาเน ซึ่งเหลือสัญญาถึงแค่สิ้นสุดฤดูกาล 2022/23 หรืออีกเพียงแค่ปีเดียว ต้องการจะย้ายออกไปค้นหาความท้าทายครั้งใหม่ โดยมีบาเยิร์น มิวนิก สโมสรดังแห่งเยอรมนีที่ต้องการได้ตัวเขาเพื่อไปแทนที่ของ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ศูนย์หน้าตัวเทพที่ต้องการจะอำลาทีมเช่นกันหลังจบฤดูกาลนี้

โดยในช่วงก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกจะเริ่มขึ้น มาเนได้บอกกับนักข่าวว่าให้กลับมาถามใหม่อีกครั้งหลังจบนัดชิงชนะเลิศ โดยจะมี ‘คำตอบพิเศษ’ ให้ แต่ในระหว่างนี้ขอทำสมาธิให้เกมก่อน

แต่กระแสข่าวการย้ายทีมของเขาก็ยังมีต่อเนื่องทั้งในช่วงก่อนเกมจะเริ่ม และยิ่งกระฉ่อนสุดๆ ทันทีที่เกมจบลงด้วยความปราชัยของลิเวอร์พูล โดยผู้สื่อข่าวระดับท็อปหลายรายยืนยันตรงกันว่าสตาร์ชาวเซเนกัลที่เกือบเป็นผู้ทำประตูได้จากโอกาสยิงไปชนเสาด้วยในช่วงต้นเกมตัดสินใจที่จะขออำลาลิเวอร์พูลจริงๆ หลังรับใช้สโมสรมากว่า 6 ปี

เรื่องนี้ The Athletic รายงานว่า มาเนในวัย 30 ปีต้องการค้นหาความท้าทายใหม่ในช่วงสุดท้ายของชีวิตการเล่น เมื่อรวมกับที่ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องสัญญาใหม่กับลิเวอร์พูลได้ในการเจรจาที่มีขึ้นในฤดูกาลที่ผ่านมา ทำให้ประตูสู่การเปลี่ยนแปลงเปิดกว้างขึ้น

คำถามต่อจากนี้คือใครจะได้ตัวเขาไป?

ตามรายงานข่าวแล้วบาเยิร์น มิวนิก ซึ่งมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับลิเวอร์พูลในวันที่ยอมปล่อย ติอาโก อัลกันตารา กองกลางตัวเทพมาให้เมื่อ 2 ปีที่แล้วเป็นตัวเต็งเบอร์หนึ่ง

ปัญหาคือบาเยิร์นต้องการจ่ายค่าตัวของมาเนที่เหลือสัญญาแค่ปีเดียวไว้ที่ 30 ล้านยูโรเท่านั้น ซึ่งราคานั้นห่างจากที่ลิเวอร์พูลประเมินเอาไว้มาก เพราะประเมินสูงถึง 50 ล้านยูโร โดยที่ยอดทีมแห่งเมอร์ซีย์ไซด์มองว่าหากจะขายออกไปได้ราคาแค่ 30 ล้านยูโรสู้เก็บไว้อีกปีจะดีกว่า ไม่นับการมองหาตัวตายตัวแทนที่จำเป็นต้องมีหากจะยอมปล่อยกองหน้าคนสำคัญออกไป

เพราะนอกเหนือจากมาเน ลิเวอร์พูลยังอยู่ในสถานการณ์ลำบากในแดนหน้า เนื่องจาก โมฮัมเหม็ด ซาลาห์ และ โรแบร์โต เฟียร์มิโน ที่เป็น ‘สามประสานรุ่นแรก’ ต่างก็เหลือสัญญาแค่ปีเดียว ขณะที่ ดิวอค โอริกิ หมดสัญญาและจะย้ายไปเอซี มิลานแบบฟรีๆ ในฤดูกาลหน้า และ ทาคุมิ มินามิโนะ กองหน้าชาวญี่ปุ่นเองก็อยู่ในข่ายที่พร้อมปล่อยตัวออกไปหากมีข้อเสนอที่น่าสนใจเข้ามา

ก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลคว้าตัว หลุยส์ ดิอาซ ปีกชาวโคลอมเบียมาจากเอฟซี ปอร์โต ซึ่งดาวเตะวัย 25 ปีแจ้งเกิดอย่างรวดเร็วในตำแหน่งปีกซ้าย และกลายเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้มาเนต้องถูกปรับบทบาทอีกครั้ง ไปเล่นกองหน้าตัวกลางแทนเฟียร์มิโนที่ประสบปัญหาอาการบาดเจ็บเป็นระยะ และกลายเป็นการค้นพบครั้งใหม่ เพราะสามารถเล่นในบท False Nine ได้อย่างยอดเยี่ยม

อีกรายที่ลิเวอร์พูลได้ตัวมาคือ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ กองหน้าดาวรุ่งจากฟูแลม ทีมน้องใหม่พรีเมียร์ลีก แต่เป็นนักเตะสำหรับอนาคตที่ยังไม่สามารถวางใจได้เหมือนมาเน ที่เป็นหนึ่งในนักเตะที่ทำผลงานได้ดีสม่ำเสมอที่สุด

ลิเวอร์พูลไม่คิดที่จะต่อสัญญากับทั้ง ซาลาห์, มาเน และเฟียร์มิโน ครบทุกคน เนื่องจากด้วยวัยและค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย โดยนักเตะที่ถูกจัดลำดับความสำคัญสูงสุดก่อนเพื่อนคือซาลาห์ ที่แม้ผลงานช่วงครึ่งฤดูกาลหลังจะย่ำแย่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นนักเตะที่อันตรายที่สุดในแนวรุก ขณะที่มาเนและเฟียร์มินโนเป็นลำดับที่รองลงมา และทีมเพิ่มตัวรุกเข้ามานอกจากดิแอซคือ ดีโอโก โชตา ที่เป็นสัญญาณการเปลี่ยนแปลง

ดังนั้น คีย์สำคัญที่จะตัดสินอนาคตของมาเนอยู่ที่ท่าทีในการเจรจาของบาเยิร์นเอง หรืออาจจะเป็นสโมสรอื่น เพราะดาวเตะที่เล่นได้ดีไม่ว่าจะตำแหน่งไหนในแนวรุกพร้อมพิจารณาข้อเสนอจากสโมสรอื่นด้วยโดยไม่ได้ปิดประตูแต่อย่างใด

หากข้อเสนอนั้นดีพอและลิเวอร์พูลสามารถหาตัวตายตัวแทนได้ก็จะยินดีปล่อยให้มาเนไป แต่หากข้อเสนอไม่ดีพอและไม่สามารถหาใครมาทดแทนได้ ลิเวอร์พูลอาจจะตัดสินใจไม่ยอมปล่อยมือไปในตอนนี้ ต่อให้รู้ว่าอาจจะไม่ได้อะไรกลับมาเลยก็ตามหากปล่อยให้หมดสัญญาในฤดูกาลหน้า

แต่หากถามมาเนแล้ว เขาได้ตัดสินใจแล้วที่จะไป และเมื่อคิดถึงสิ่งที่ได้ทำให้แก่สโมสรตลอด 6 ปีที่ผ่านมา กับแชมป์ 6 รายการครบทุกถ้วยที่มี ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลิเวอร์พูลควรจะฝืนใจนักเตะที่คู่ควรกับการเป็น ‘ตำนาน’ ของสโมสร

ต่อให้รู้ว่ารอยเท้าที่ทิ้งไว้มันจะใหญ่แค่ไหนสำหรับคนที่มาแทนก็ตาม

อ้างอิง: