สรุป เหตุระบบไอทีล่ม ป่วนทั่วโลก สาเหตุจากอะไร?

กลายเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความโกลาหลครั้งใหญ่ หลังเกิดการขัดข้องของระบบไอทีทั่วโลก ที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างไปยังภาคธุรกิจ ธนาคาร หน่วยงานรัฐ บริษัทสื่อ สถานีโทรทัศน์ และโทรคมนาคม ตลอดจนระบบคมนาคมต่างๆ

โดยสายการบินต่างๆ ต้องระงับการนำเครื่องบินขึ้น เนื่องจากเกิดปัญหาระบบสื่อสาร เช่นเดียวกับแท็กซี่และรถไฟโดยสารที่ระงับให้บริการ ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนจำนวนมาก

เหตุที่เกิดขึ้นสร้างความตกใจและทำให้เกิดข่าวลือเรื่องการโจมตีทางไซเบอร์ ขณะที่รายงานในเบื้องต้นชี้ต้นตอของเหตุขัดข้องไปยังบริษัทผู้พัฒนาระบบปฏิบัติการ Windows อย่าง Microsoft และบริษัทความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลกที่ชื่อ CrowdStrike

และนี่คือรายละเอียดและสาเหตุของความโกลาหลที่มีรายงานในตอนนี้

สาเหตุขัดข้อง

เหตุการณ์ความปั่นป่วนดังกล่าวส่งผลกระทบแก่ระบบไอทีของหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา เยอรมนี สหราชอาณาจักร และอินเดีย

Microsoft เผยว่า การขัดข้องเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ (18 กรกฎาคม) ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดยลูกค้าหลายรายประสบปัญหากับบริการหลายอย่างในระบบ Cloud ที่ชื่อว่า Azure โดยสื่อบางสำนักมีรายงานออกมาในช่วงแรกว่า ปัญหาเกิดจากการเปลี่ยนแปลงการกำหนดค่าภายในโครงสร้างพื้นฐานของระบบจัดการหลังบ้าน (Backend Infrastructure) ของ Azure ซึ่งทำให้เกิดการขัดข้องและหยุดทำงาน

ขณะที่ Microsoft ระบุในเว็บไซต์รายงานสถานะซอฟต์แวร์ ว่าระบบคลาวด์ของ Azure ‘เกิดความล้มเหลวในการดำเนินการและการเชื่อมต่อหรือความพร้อมใช้งาน’ แม้ว่าสาเหตุและลักษณะ รวมถึงขนาดของการขัดข้องยังไม่มีความชัดเจน

โดย Microsoft ชี้แจงว่า สถานการณ์กำลังดีขึ้น ซึ่งบริษัทกำลังดำเนินการ ‘บรรเทาผลกระทบ’ และจัดการกับ ‘ผลกระทบที่ยืดเยื้อ’ ของการขัดข้องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา สื่อหลายสำนักรายงานว่า เหตุขัดข้องดังกล่าวเกิดจากการที่ CrowdStrike บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก ออกอัปเดตสำหรับซอฟต์แวร์ Falcon Sensor ผิดพลาด และส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows ส่งผลให้เกิดอาการจอฟ้า ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าผลกระทบจะยิ่งลามเป็นวงกว้างเมื่อประเด็นปัญหาเกิดขึ้นกับระบบ Windows

George Kurtz ซีอีโอของบริษัทให้สัมภาษณ์ NBC หลังเกิดเหตุขัดข้องดังกล่าว โดยยืนยันว่า “บริษัทกำลังเร่งประสานงานกับลูกค้าหลายรายที่ได้รับผลกระทบจากข้อบกพร่องที่พบในการอัปเดตซอฟต์แวร์สำหรับโฮสต์ที่ใช้ระบบ Windows”

โดยเขาเน้นย้ำว่าโฮสต์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Mac และ Linux ไม่ได้รับผลกระทบ และยืนยันว่าเหตุการณ์นี้ ‘ไม่ใช่ประเด็นด้านความปลอดภัยหรือการโจมตีทางไซเบอร์’

ขณะที่บัญชี X ของ Microsoft 365 โพสต์ข้อความล่าสุดว่า บริษัทกำลังแก้ปัญหาด้วยการให้ผู้ใช้งาน Windows 365 ในระบบคลาวด์ ย้อนสถานะไปก่อนการอัปเดต Falcon Sensor

ผลกระทบวงกว้าง

เหตุการณ์ขัดข้องของระบบไอทีดังกล่าวทำให้สนามบินและสายการบินในหลายประเทศทั่วโลกประสบปัญหาการสื่อสาร จนต้องยกเลิกหรือเลื่อนให้บริการเที่ยวบิน

โดยสายการบินของสหรัฐฯ รวมถึง American Airlines, Delta Air Lines และ United Airlines ไม่อนุญาตให้เที่ยวบินของตนเองในสนามบินทั่วโลกขึ้นบิน ขณะที่สายการบิน KLM ของเนเธอร์แลนด์ ระบุว่า เหตุขัดข้องดังกล่าวทำให้การจัดการเที่ยวบิน ‘เป็นไปไม่ได้’ และต้องระงับการดำเนินการส่วนใหญ่จนกว่าปัญหาจะได้รับการแก้ไข

ขณะที่ระบบสายด่วนฉุกเฉิน 911 ในสหรัฐฯ ก็ไม่สามารถใช้การได้ เช่นเดียวกับร้านค้าและซูเปอร์มาร์เก็ตที่ระบบชำระเงินไม่ทำงาน

โดยในสหราชอาณาจักรพบว่า ผลกระทบลามไปถึงระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ โดยเฉพาะการจองนัดหมายแพทย์และการซื้อยาของคนไข้ ซึ่งประสบปัญหาเนื่องจากชำระเงินไม่ได้เช่นกัน

นอกจากนี้ตลาดหุ้นในหลายประเทศ ตลอดจนตลาดซื้อขายน้ำมันทั้งในลอนดอนและสิงคโปร์ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้ ในขณะที่สถานีโทรทัศน์และวิทยุในหลายประเทศต้องงดออกอากาศ

ทั้งนี้บริการของ Microsoft เช่น Outlook, OneDrive และ OneNote, Xbox App, Microsoft Teams, Power BI และ Microsoft Fabric, Microsoft 365 admin center, Microsoft Purview และ Viva Engage ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุขัดข้องที่เกิดขึ้น แม้ว่าล่าสุดโฆษกของ Microsoft จะยืนยันว่า “บริการส่วนใหญ่กลับมาใช้งานได้แล้ว”

อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุ แฮชแท็ก #Microsoft #crowdstrike และ #BSOD ก็ติดเทรนด์ใน X ขณะที่ชาวเน็ตโพสต์ภาพและข้อความล้อเลียนปรากฏการณ์จอฟ้าก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ครั้งนี้

ภาพ: Bing Guan / REUTERS

อ้างอิง :