เมื่อวานนี้ (24 ตุลาคม) สำนักข่าว CNN ได้เผยแพร่รายงานข่าวสืบสวน เปิดโปงประเด็นการนำเข้าถุงมือยางทางการแพทย์ที่มีทั้งถุงมือยางที่สกปรกและใช้แล้วจำนวนหลายสิบล้านชิ้นเข้าสู่สหรัฐฯ โดยพบต้นตอที่ถูกส่งมาจากประเทศไทย
จากการติดตามสืบสวนของทีมข่าว CNN นานนับเดือน พบที่มาของถุงมือยางเหล่านี้ว่ามีต้นทางมาจากคลังสินค้าแห่งหนึ่งในแถบชานเมืองของกรุงเทพฯ ที่ถูกทางการไทยบุกจับเมื่อช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้ว
โดย CNN บรรยายสภาพในคลังสินค้าดังกล่าวว่าเต็มไปด้วยถุงขยะที่ใส่ถุงมือทางการแพทย์ที่ใช้งานแล้วจำนวนมาก ซึ่งบางส่วนมีร่องรอยสกปรกอย่างเห็นได้ชัดและบางส่วนมีคราบเลือดติดอยู่ และถูกวางไว้เกลื่อนพื้นคลังสินค้า ซึ่งใกล้ๆ กันมีชามพลาสติก ที่มีสีย้อมสีน้ำเงินและถุงมืออีก 2-3 อัน โดยเจ้าหน้าที่ของไทยเผยว่า แรงงานต่างด้าวพยายามใช้สีย้อมทำให้ถุงมือยางใช้แล้วดูใหม่อีกครั้ง
ซึ่งนอกจากนี้ยังมีคลังสินค้าในลักษณะนี้อีกมากมายที่ยังดำเนินการอยู่ในไทยจนถึงทุกวันนี้ เพื่อหาทางทำกำไรจากความต้องการถุงมือทางการแพทย์ที่พุ่งสูง
ต้นตอจากความต้องการถุงมือยางที่พุ่งสูงทั่วโลก
– สำหรับต้นตอของการสืบสวนข่าวนี้ เกิดขึ้นจากกระแสความต้องการอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลหรือชุด PPE ที่ใช้ในการรับมือสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิดที่ทวีความรุนแรงทั่วโลกในช่วงต้นปี 2020 ซึ่งส่งผลให้ถุงมือยาง โดยเฉพาะถุงมือยางสังเคราะห์เกรดทางการแพทย์ หรือถุงมือไนไตรที่บุคลากรทางการแพทย์ใช้เกิดขาดแคลนและมีราคาพุ่งสูง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรือ FDA ของสหรัฐฯ ห้ามการใช้ถุงมือยางชนิดมีแป้ง (Powdered Latex Gloves) ในการดูแลผู้ป่วย ส่วนถุงมือไวนิลที่คุณภาพต่ำกว่าจะใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและอุตสาหกรรมอื่นๆ
– ถุงมือยางแทบทั้งหมดที่จำหน่ายทั่วโลก ผลิตในแถบเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ รวมถึงในไทย ซึ่งมีทั้งทรัพยากรและความเชี่ยวชาญ โดยเมื่อเกิดภาวะขาดแคลน ซึ่งทั้งรัฐบาลและโรงพยาบาลต่างมีความต้องการใช้งานถุงมือยางทางการแพทย์ ทำให้บริษัททีน่าสงสัยจำนวนหนึ่งใช้โอกาสนี้ในการหากำไร
– ช่วงปลายปีที่แล้ว ทาเรค เคอร์สเชน (Tarek Kirschen) นักธุรกิจจากเมืองไมอามีคนหนึ่ง ติดต่อสั่งซื้อถุงมือยาง คิดเป็นเงินกว่า 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากบริษัทในไทยที่มีชื่อว่า Paddy the Room ก่อนที่เขาจะขายถุงมือยางเหล่านี้ให้กับผู้จัดจำหน่ายในสหรัฐฯ และหลังจากนั้นจึงได้รับโทรศัพท์จากลูกค้าหลายราย ที่โทรมาร้องเรียนและต่อว่าบริษัทของเขาว่าหลอกลวง
– โดยเคอร์สเชน ได้ไปดูสินค้าที่มีปัญหาด้วยตัวเอง หลังจากตู้คอนเทนเนอร์นำเข้าถุงมือยางตู้ที่ 2 ถูกส่งไปถึงไมอามี ก่อนจะพบว่าเป็นถุงมือยางใช้แล้วที่ถูกล้างและนำมาขายใหม่ ซึ่งบางส่วนยังคงสกปรกหรือแม้แต่มีคราบเลือด หรือมีเครื่องหมายระบุวันที่เมื่อ 2 ปีก่อน
“ผมแทบไม่เชื่อสายตา” เขากล่าวต่อ CNN
– ขณะที่เคอร์สเชนได้คืนเงินให้แก่ลูกค้าและนำถุงมือยางใช้แล้วเหล่านี้ไปฝังดินก่อนจะแจ้งไปยัง FDA ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งเขาระบุว่าถุงมือเหล่านี้ไม่ถูกซื้อไปใช้ในสถานพยาบาล
– อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ข้อมูลการนำเข้าของ CNN พบว่า ยังมีผู้จัดจำหน่ายรายอื่นในสหรัฐฯ สั่งซื้อถุงมือทางการแพทย์เกือบ 200 ล้านชิ้นจากบริษัท Paddy the Room ในช่วงที่มีการระบาดรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งไม่ชัดเจนว่าถุงมือดังกล่าวเป็นถุงมือใช้แล้วหรือไม่ และถูกนำไปใช้อย่างไรหลังจากที่ถูกส่งไปถึงสหรัฐฯ
– นอกจากนี้ CNN ยังพยายามติดต่อผู้จัดจำหน่ายที่นำเข้าถุงมือทางการแพทย์จากบริษัท Paddy the Room ทั้งหมด แต่ส่วนใหญ่ไม่ตอบรับ โดยมี 2 บริษัทที่ระบุว่า การขนส่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานและถุงมือที่ได้รับก็ไม่ใช่ถุงมือยางไนไตร ซึ่งหนึ่งบริษัทนี้คือบริษัท Uweport เผยต่อ CNN ว่าถุงมือยางที่ได้รับไม่สามารถนำไปขายต่อให้กับบริษัททางด้านการแพทย์ได้ตามที่วางแผนไว้ ทำให้ต้องขายในราคาที่ต่ำกว่า ให้กับผู้จัดจำหน่ายถุงมือยางสำหรับใช้ในโรงงานแปรรูปอาหาร โรงแรมและร้านอาหาร
– อีกบริษัท ชื่อ US Liberty LLC ก็มีประสบการณ์คล้ายกับกรณีของบริษัท Paddy the Room โดยได้สั่งซื้อถุงมือยางทางการแพทย์จากบริษัทในเวียดนาม แต่กลับได้รับถุงมือที่มีรู ฉีดขาดและมีคราบ และบางส่วนยังมีสีที่ต่างกัน
– ดั๊ก สไตน์ (Doug Stein) นักธุรกิจและผู้เชี่ยวชาญที่สั่งซื้อถุงมือทางการแพทย์และชุด PPE จากบริษัทในเอเชียมานานหลายสิบปี เผยว่ากรณีการหลอกลวงขายถุงมือยางที่เกิดขึ้นทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นับตั้งแต่ที่เกิดโควิดระบาดนั้นมีความเกี่ยวข้องกัน โดยที่ผ่านมาเขาได้สร้างช่องทางติดตามสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายไว้ในเว็บไซต์ LinkedIn และได้ให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่สูญเสียเงินหลายล้านดอลลาร์จากการถูกหลอกขายถุงมือไนไตรมาแล้วหลายคน
– นักธุรกิจอเมริกันอีกรายที่ตกเป็นเหยื่อของบริษัท Paddy the Room คือ หลุยส์ ซิสคิน (Louis Ziskin) ซึ่งบริษัท AirQueen ของเขาเล็งเห็นช่องทางทำกำไรจากลูกค้าบริษัทการแพทย์ และได้สั่งซื้อถุงมือไนไตรจาก Paddy the Room ผ่านบริษัทตัวแทนในเอเชีย โดยจ่ายล่วงหน้า 100%
– แต่จากการตรวจสอบ พบว่าถุงมือที่ได้รับมา ส่วนใหญ่ไม่ใช่ไนไตรแต่เป็นถุงมือยางเกรดต่ำกว่าหรือถุงมือไวนิล และมีจำนวนมากที่เห็นได้ชัดว่าเป็นถุงมือยางมือสองที่มีรอยเปื้อน ซึ่งซิสคินยืนยันว่าเขาไม่มีทางส่งถุงมือเหล่านี้แก่สถานพยาบาลแน่นอน
“มันเป็นเรื่องความปลอดภัยทั้งสิ้น สำหรับผม ข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัทเหล่านี้ไม่เคยถูกขึ้นบัญชีดำนั้นเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก” ซิสคิน กล่าว
– ขณะที่บริษัท Paddy the Room ยังส่งเอกสารที่ระบุว่าเป็นรายงานการตรวจสอบให้แก่ซิสคิน เพื่อยืนยันว่าถุงมือที่จัดส่งให้นั้นได้คุณภาพ ซึ่งบริษัทตรวจสอบที่มีชื่อในรายงาน ก็ยืนยันว่ารายงานดังกล่าวเป็นเอกสารปลอม
– หลังเกิดเรื่องนี้ไม่นาน ซิสคินก็ได้แจ้งต่อ FDA และสำนักงานศุลกากรสหรัฐฯ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แต่จากการตรวจสอบเอกสารนำเข้าของ CNN หลังจากนั้นแสดงให้เห็นว่าการแจ้งเตือนของทั้งซิสคินและเคอร์สเชนไม่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ โดยพบว่าบริษัท Paddy the Room ยังส่งตู้คอนเทนเนอร์ 28 ตู้ ที่บรรจุถุงมือยางกว่า 80 ล้านชิ้นเข้าไปยังสหรัฐฯ ตามปกติ
– สาเหตุหนึ่งที่ทำให้การนำเข้าถุงมือที่ต่ำกว่ามาตรฐานเข้าสหรัฐฯ ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากการระงับกฎระเบียบชั่วคราวของ FDA โดย FDA ได้ยืนยันต่อ CNN ว่าหลายบริษัทได้รับอนุญาตให้นำเข้าถุงมือยางภายใต้กฎระเบียบที่ผ่อนคลายลง ตราบใดที่ ‘ถุงมือยังเป็นไปตามมาตรฐานและมีการติดฉลากอ้างอิง’ และถุงมือที่นำเข้ามาไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่เกินควร
– สำหรับการตรวจสอบถุงมือและสินค้าอื่นๆ ที่ท่าเรือของสหรัฐฯ นั้นมีการดำเนินการเพียงเล็กน้อย ทำให้ถุงมือทางการแพทย์ที่มีการปนเปื้อนหรือไม่ได้มาตรฐาน จะไม่ถูกตรวจสอบจนกว่าจะถึงปลายทาง
– ท้ายที่สุด หลังผ่านไป 5 เดือน นับจากที่ซิสคินและเคอร์สเชน แจ้งเตือนทาง FDA ตัดสินใจแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ท่าเรือทุกแห่งเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ให้กักสินค้าที่ถูกส่งจาก Paddy the Room ไว้โดยไม่ต้องตรวจสอบ
– ขณะที่ FDA ไม่แสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการสืบสวนกรณีของบริษัท Paddy the Room แต่ทางเจ้าหน้าที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ (DHS) ยืนยันว่ากำลังดำเนินการสืบสวนทางอาญาต่อกรณีนี้
การบุกทลายคลังสินค้า Paddy the Room ในกรุงเทพฯ
– รายงานของ CNN ชี้ว่า อย.ไทย มีความพยายามอย่างหนักในการจัดการกับขบวนการหลอกลวงค้าถุงมือไนไตร
– โดยในการบุกค้นคลังสินค้า Paddy the Room เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว เจ้าหน้าที่พบถุงขยะที่เต็มไปด้วยถุงมือหลวมๆ ที่ใช้งานแล้วหลายสีที่มีวัสดุและคุณภาพต่างกัน ขณะที่คนงานกำลังนำถุงมือเก่าใส่กล่องใหม่ที่ปลอมยี่ห้อ ‘ศรีตรัง’ ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ของไทย โดยบริษัทศรีตรังยืนยันกับ CNN ว่าไม่ได้ทำธุรกิจกับ Paddy the Room
– และในกรณีของซิสคินนั้นพบว่าถุงมือที่เขาได้รับหลายพันกล่อง เป็นกล่องที่ปลอมโลโก้ภาษาไทยของบริษัทศรีตรัง
– ขณะที่ ดั๊ก สไตน์ ซึ่งเชี่ยวชาญการนำเข้าอุปกรณ์ PPE จากเอเชีย ยืนยันว่าถุงมือยางที่ถูกส่งไปยังสหรัฐฯ จะไม่มีทางบรรจุในกล่องที่มีฉลากเป็นภาษาต่างประเทศ
– ทางด้าน อย.ไทย ได้จับกุมเจ้าของคลังสินค้าของ Paddy the Room แต่ไม่สามารถดำเนินคดีต่อผู้เช่าที่เป็นชาวฮ่องกงได้
– แต่การทลายคลังสินค้าดังกล่าว ไม่ทำให้ Paddy the Room ปิดตัวลง โดย สุภัทรา บุญเสริม รองเลขาธิการ อย. บอกกับ CNN ว่า ทางเจ้าหน้าที่ อย. ได้บุกทลายโรงงานผลิตถุงมือยางที่คล้ายกันในอีกหลายเดือนต่อมา
“พวกเขาแค่ย้ายไปที่อื่น ไปที่โกดังอื่น แล้วทำไมถึงเป็นแบบนั้น? ก็เพราะความต้องการถุงมือยังสูงอยู่ ยังมีลูกค้าที่รอซื้ออยู่” เธอกล่าวต่อ CNN ขณะที่ CNN พยายามติดต่อบริษัท Paddy the Room และบริษัทคู่ค้าแต่ไม่มีการตอบกลับ
– อย.ไทย เผยว่าได้ดำเนินการบุกทลายคลังสินค้าเหล่านี้อย่างน้อย 10 ครั้งในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และได้ยึดถุงมือยางที่ใช้แล้วหรือถุงมือยางที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ซึ่งถูกบรรจุในกล่องถุงมือไนไตรที่ปลอมฉลาก ซึ่งในบางที่พบคนงานกำลังขัดถุงมือยางใช้แล้วให้สะอาดและย้อมสีให้ดูใหม่
– สุภัทรา ยังเผยว่า ถุงมือไนไตรใช้แล้วจำนวนมากต้องสงสัยว่าถูกส่งมาจากจีนหรืออินโดนีเซีย และนำเข้ามาในไทยเพื่อทำความสะอาดและบรรจุลงในกล่องใหม่
– ขณะที่ อย. เชื่อว่ามีบุคคลและบริษัทหลายแห่งในไทยที่ร่วมขบวนการเพื่อทำกำไรจากการหลอกขายถุงมือไนไตรไปยังทั่วโลก โดยหนึ่งในนี้คือบริษัท SkyMed ที่ดำเนินการโดยอดีตเจ้าหน้าที่ในกองทัพ ซึ่งหลายกล่องถุงมือที่พบในการบุกทลายคลังสินค้าของ Paddy the Room มีฉลากบริษัท SkyMed ติดอยู่ และจากการตรวจสอบ พบว่าทางบริษัทมีใบอนุญาตนำเข้าถุงมือทางการแพทย์ที่ผลิตในเวียดนาม แต่ไม่พบว่าบริษัทเคยนำเข้าถุงมือทางการแพทย์ใดๆ เข้ามาในไทย อีกทั้งยังไม่มีการผลิตถุงมือทางการแพทย์ของตนเอง
– กรณีของซิสคิน นักธุรกิจอเมริกันยังลุกลามมาในไทย โดยเขาได้เดินทางมาไทย เพื่อติดตามเงิน 2.7 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่สูญเสียไปจากการสั่งถุงมือยางจาก Paddy the Room แต่ทุกอย่างกลับผิดพลาด ซิสคินและพวกถูกตำรวจจับกุมและตั้งข้อหาฐานทำร้ายร่างกายและลักพาตัว หลังมีการเผชิญหน้าในร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
– ซึ่ง ซิสคิน ปฏิเสธข้อหาทั้งหมดและเชื่อว่าจะไม่ได้เงินคืนแต่ต้องการความยุติธรรม โดยหลังจากที่ตำรวจไม่สามารถหาหลักฐานได้ทันในการส่งฟ้อง ทำให้ซิสคินได้รับอนุญาตให้เดินทางออกจากไทยกลับไปยังลอสแอนเจลิส ซึ่งตำรวจไทยยืนยันต่อ CNN ว่าการสืบสวนและดำเนินคดียังไม่สิ้นสุด
– ขณะที่กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ ได้ยึดถุงมือยางกว่า 70,000 กล่องจากคลังสินค้าของซิสคินในลอสแอนเจลิสไว้เป็นหลักฐานเพื่อการสืบสวนคดี Paddy the Room
– ซึ่งล่าสุด คดีของ Paddy the Room ยังอยู่ระหว่างการสืบสวนทางอาญาของทางการไทยและสหรัฐฯ
ภาพ: CNN
อ้างอิง: