เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน ประชาชนก็ไม่จำเป็นต้องมาดักรอเพื่อถาม-ตอบกับนักการเมืองอีกต่อไป ด้วยการไลฟ์ที่ช่วยย่นระยะห่างระหว่างพวกเขาและ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ทำให้ประชาชนได้พูดคุยกับผู้ว่าฯ ของพวกเขาอย่างใกล้ชิด โดยมีเสียงบรรยายสร้างสีสันจากผู้ดูแลการไลฟ์ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่าง ‘แอดมินหมู’
THE STANDARD พูดคุยกับ ‘วิทยา ดอกกลาง’ หรือ แอดมินหมู บุรุษวัย 26 ปี ผู้อยู่เบื้องหลังการไลฟ์ ที่คอยถือกล้องตามถ่าย บรรยาย และเล่นมุก ผ่านเพจ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่มีผู้ติดตามกว่า 2.4 ล้านคน เพื่อเป็นหูเป็นตาและสร้างความหวังให้กับคนกรุงเทพฯ
จุดเริ่มต้นของแอดมินหมู
วิทยา ดอกกลาง เล่าถึงเรื่องราวก่อนมาเป็นแอดมินหมูว่า ตนจบการศึกษาจากคณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี สาขาเทคโนโลยีการศึกษาและสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ทำให้มีประสบการณ์เป็นทีมหลังบ้านในการถ่ายทอดสดและไลฟ์เฟซบุ๊กมาก่อน ภายหลังถูกแนะนำปากต่อปากให้มาถ่ายวิดีโอลงพื้นที่ของชัชชาติ ก่อนจะโยกย้ายมายังทีมไลฟ์จนกลายเป็นแอดมินหมูอย่างที่เห็นในปัจจุบัน
“วันแรกที่เจออาจารย์ชัชชาติเป็นชุมชนตึกแดง ย่านบางซื่อ เจอกันครั้งแรกก็ดีใจที่ได้เจอ แต่เขาไม่คุยกับผมเลย เรามาถ่ายเขานะ (หัวเราะ) สุดท้ายหลังเลิกงานได้คุยกัน อาจารย์ถามว่าชื่ออะไร แล้วก็เป็นวันเดียวที่เขาจำชื่อผมได้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่เคยเรียกชื่อผมอีกเลย”
จากบทบาทหลังบ้านสู่พิธีกรหน้าบ้านในไลฟ์ วิทยาเล่าถึงบทบาทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงว่า ก่อนหน้านี้ตนมีหน้าที่ตรวจสอบภาพและเสียง แต่หน้าที่พิธีกรในปัจจุบันคือการช่วยเสริมประเด็นความคิดและรับ-ส่งกับชัชชาติเพื่อเนื้อหาบางอย่าง
“สังเกตดูว่าถ้าอาจารย์พูดเองข้อมูลจะเป็นอีกแบบหนึ่ง ในขณะที่ถ้าอาจารย์พูดกับเราก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ขึ้นอยู่กับวิธีการนำเสนอที่จะช่วยให้บทบาทของอาจารย์ถูกสื่อสารออกมาเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น”
ตัวตนของแอดมินหมูกับบทบาทเงาของอาจารย์ชัชชาติ
แม้ในโลกออนไลน์จะมีการกล่าวถึงไลฟ์ของชัชชาติเป็นวงกว้าง ส่งผลให้คนรู้จักแอดมินหมูมากยิ่งขึ้น แต่วิทยากล่าวว่าตนไม่ได้ให้คุณค่ากับตัวตนที่เกิดขึ้นจากการไลฟ์ เพราะเป็นเพียงเรื่องชั่วคราว ไม่ได้คาดหวังว่าทุกคนจะรู้จักเรา และมีความสุขกับชีวิตแบบคนปกติมากกว่า
“ให้อีก 2 เดือนหรือเดือนเดียวก็ไม่มีใครจำเราได้แล้ว ถ้าวันไหนที่ผมวางมือถือลง ไม่ได้ไลฟ์แล้ว ตัวตนของแอดมินหมูก็หายไปเช่นเดียวกัน แต่เราไม่ได้ให้ค่ากับตัวตนที่มันเกิดขึ้น เพราะมันเป็นเรื่องชั่วคราว ผมมีความสุขกับชีวิตแบบมาตรฐาน แบบคนปกติ”
เมื่อถูกสอบถามถึงบทบาทการเป็นมือขวาของชัชชาติ วิทยากล่าวว่าตนอาจจะเป็นแค่เงา มากกว่ามือขวาที่มีพลังอำนาจ
“เขาไม่ได้มาดูเรา เขาดูอาจารย์ชัชชาติ”
แอดมินหมูกับความตั้งใจในการสร้างความสุข เพื่อคนกรุงเทพฯ
วิทยาเล่าว่า จุดเริ่มต้นที่ทำให้แอดมินหมู พิธีกรบรรยายไลฟ์ของชัชชาติ กลายเป็นที่รู้จัก คือช่วงหาเสียงที่ผู้ติดตามมักจะกล่าวว่าตนเสียงเพราะ เสียงหล่อ ทำให้มีผู้ฟังขาประจำประมาณหลักร้อย
เมื่อวิทยาสำรวจพบว่าคนส่วนใหญ่ที่ดูไลฟ์มักจะเข้ามาฟังพร้อมทั้งทำกิจกรรมอื่นไปด้วยเพื่อความเพลิดเพลิน รวมถึงมีผู้พิการทางสายตาเข้ามาฟังแล้วจินตนาการเห็นภาพกรุงเทพฯ มีผู้ป่วยโรคซึมเศร้าเข้ามาฟังไลฟ์แล้วเกิดกำลังใจใช้ชีวิตต่อ ตนจึงตั้งใจบรรยายและพูดคุยกับชัชชาติเพื่อสร้างความสุขให้กับผู้ชมต่อไป
“อยากบอกทุกคนว่าคุณไม่ได้อยู่คนเดียว คุณเปิดไลฟ์ผมจะอยู่กับคุณตลอด ฟังเสียงผม เรามาคุยกัน ผมจะบรรยายให้เห็นความสวยงามของกรุงเทพฯ ที่มีอยู่ แล้วเราจะเห็นความสวยงามของอนาคตที่อยู่ไม่ไกล”
การไลฟ์ เครื่องมือที่ลดระยะห่างระหว่างผู้ว่าฯ และประชาชน
วิทยากล่าวว่า การไลฟ์เป็นเทคโนโลยีช่วยย่นระยะทางระหว่างชัชชาติและประชาชน ผู้ชมไม่จำเป็นต้องเดินทางมาถึงศาลาว่าการเพื่อร้องเรียน แต่พวกเขาสามารถพิมพ์เข้ามาในไลฟ์ได้ทันที ในขณะเดียวกันชัชชาติก็ไม่จำเป็นต้องลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อมูลอย่างเดียว แต่เขาสามารถอ่านคอมเมนต์ ทำให้ทราบถึงสภาพสังคม ผลกระทบ และความคิดเห็นของประชาชนได้เช่นกัน
“เราเป็นเรา เป็นหู-ตาให้ประชาชน คอยสอดส่องให้พวกเขาเห็นการทำงานของผู้ว่าฯ กทม. ในขณะเดียวกันเราก็เป็นหู-ตาให้อาจารย์ อาจารย์จะได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นรอบข้างบ้าง” ก่อนจะเสริมว่าชัชชาติอ่านครบทุกความคิดเห็นจริงๆ
อนาคตของแอดมินหมูจะเป็นอย่างไรต่อ
“เราไม่รู้หรอกว่าจะหมดสัญญาเมื่อไร ไม่รู้สึกว่าทุกอย่างจะจบลงเวลาไหน แต่วันนี้เราทำเต็มที่แล้ว อย่างน้อยเราก็ไม่เสียใจภายหลัง ถ้าแอดมินหมูจบลง มันก็จะเป็นแอดมินในตำนานไปเลย”
ภาพ: รัชฌาพัฒน์ โพธิลิมปวรกุล