วรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงข่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิด 4 คดี
คดีแรก กรณี พนม ศรศิลป์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอุดหนุนบูรณปฏิสังขรณ์ที่จัดสรรให้วัดพนัญเชิงวรวิหาร ประจำปีงบประมาณ 2557-2558 และจากการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ได้ยื่นไว้ต่อ ป.ป.ช. มีการนำฝากเงินและซื้อหุ้นในสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ จำกัด สหกรณ์ออมทรัพย์ครูอุบลราชธานี จำกัด รวมทั้งมีการซื้อที่ดิน โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง และยานพาหนะเป็นจำนวนมาก โดยไม่สามารถชี้แจงที่มาได้
คดีที่สองคือ กรณี สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ในคดีทุจริตโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจ หรือโรงพักทดแทน 396 แห่ง ว่ามีมูลความผิดอาญามาตรา 157 ส่วน พล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ อดีตรักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีมูลความผิดอาญามาตรา 157 และมีมูลความผิดวินัย นอกจากนั้นยังชี้มูลความผิดตำรวจในคณะกรรมการประกวดราคาทั้งทางอาญาและทางวินัย รวมถึงชี้มูลความผิดบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรับเหมา ฐานสนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่วน พล.ต.ท. สุพร พันธุ์เสือ อดีตผู้บัญชาการสำนักงานส่งกำลังบำรุง ไม่มีมูลความผิด
.
คดีที่สาม ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ชี้มูลความผิด สุเทพ เทือกสุบรรณ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กรณีการอนุมัติโครงการก่อสร้างแฟลตที่พักข้าราชการตำรวจ 163 แห่ง ซึ่งถือเป็นกรรมเดียวกับกรณีสร้างโรงพัก ส่วนคณะกรรมการประกวดราคามีมูลความผิดทางอาญาและทางวินัยร้ายแรง ขณะที่นายตำรวจที่เรียกรับเงินในคดีนี้มีมูลความผิดทางอาญาและมีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง ส่วนบริษัทรับเหมามีมูลความผิดอาญาฐานสนับสนุนการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ
คดีที่สี่ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ 9 เสียง ชี้มูลความผิด วิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และปัจจุบันเป็นประธานวิปรัฐบาล ทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส. นครราชสีมา และพวก ทุจริตโครงการก่อสร้างสนามฟุตซอลโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่เขต 2 จังหวัดนครราชสีมา โดยชี้มูลความผิดบุคคลทั้งสิ้น 24 ราย
จากการไต่สวนของ ป.ป.ช. พบความเชื่อมโยงการกระทำความผิดระหว่างนักการเมืองและข้าราชการในพื้นที่ โดยนำงบประมาณที่ได้จากการแปรญัตติของ ส.ส. ที่ระบุเป็นค่าก่อสร้างซ่อมแซมอาคารเรียนที่ประสบอุบัติภัยไปก่อสร้างสนามฟุตซอลแทน ซึ่งเป็นการก่อสร้างโดยไม่จำเป็น