ความเคลื่อนไหวราคาหุ้น บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ไหลลงจากราว 60 บาท มาอยู่บริเวณ 52 บาท ลดลงราว 13%
บล.บัวหลวง ระบุว่าประเด็นที่กดดันราคาหุ้น KEX ในช่วงที่ผ่านมาน่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมา ซึ่งประเมินว่าหากราคาน้ำมันปรับขึ้น 30-50% จากปีก่อนตามที่โบรกเกอร์ต่างชาติหลายรายคาดการณ์ จะเป็น Downside ต่อกำไรของ KEX ในปีนี้ อิงสมมติฐานรายได้ต่อชิ้นไม่ปรับขึ้น และไม่มีการทำการป้องกันความเสี่ยง
อย่างไรก็ตาม ในอดีตบริษัทได้ผ่านรอบการขึ้นลงของราคาน้ำมันมามากแล้ว แม้แต่ในช่วงที่ราคาสูงกว่าการคาดการณ์ในปีนี้ และยังสามารถทำกำไรได้จากการบริหารจัดการที่ดี ในทางกลับกัน เราเชื่อว่าต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจะกดดันผู้เล่นรายอื่นในตลาดที่ยังคงขาดทุนอยู่ อีกทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากดีล SF Holding น่าจะช่วยหนุนปริมาณขนส่งสินค้าจากจีนในอนาคต
โดยภาพรวมยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ ด้วยราคาเป้าหมาย 70 บาท แรงหนุนจากกำไรระยะยาวที่เติบโตแข็งแกร่ง และเป็นผู้ที่ได้ประโยชน์จากการอยู่รอดในตลาด รวมถึงดีลที่ SF Holding เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ KEX ผ่านการเข้าซื้อหุ้นของบริษัท เคแอลเอ็น โลจิสติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (KLN) ซึ่งมีโอกาสหนุนการเติบโตในอนาคต
อิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการลงทุนของ KEX เปิดเผยว่าต้นทุนเชื้อเพลิงคิดเป็นประมาณ 10% เมื่อเทียบกับโครงสร้างต้นทุนของบริษัท อย่างไรก็ตาม บริษัทได้พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพของเส้นทางการขนส่ง และพยายามเพิ่มจำนวนพัสดุที่สามารถจัดส่งต่อคันให้มากขึ้น
ส่วนในระยะยาว ตามที่บริษัทได้เปิดตัว EV Bike ก่อนหน้านี้ รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้ในการนำพลังงานทดแทนเข้ามาช่วยลดต้นทุนและทดแทนส่วนของน้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับการลงทุนในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 1 พันล้านบาท สำหรับขยายเน็ตเวิร์กและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน จากงบลงทุนทั้งหมดในส่วนนี้ 4.4 พันล้านบาท ทั้งนี้ การตัดสินใจลงทุนจะขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภาพรวมในปีนี้ด้วย