×

‘เควิน แฮสเซตต์’ ขึ้นแท่นตัวเต็งประธาน Fed คนใหม่ หนุนความหวังตลาดต่อทิศทางลดดอกเบี้ยเชิงรุก ดันความเชื่อมั่นนโยบายการเติบโต

08.12.2025
  • LOADING...
‘เควิน แฮสเซตต์’ ขึ้นแท่นตัวเต็งประธาน Fed คนใหม่ หนุนความหวังตลาดต่อทิศทางลดดอกเบี้ยเชิงรุก ดันความเชื่อมั่นนโยบายการเติบโต

ท่ามกลางการจับตาทิศทางนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ล่าสุดสำนักข่าว Bloomberg ระบุว่า ชื่อของเควิน แฮสเซตต์ ผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ กลับมาโดดเด่นอีกครั้งในฐานะตัวเต็งประธาน Fed คนใหม่ หลังมีรายงานว่าตลาดตอบรับเชิงบวกต่อความเป็นไปได้ที่แฮสเซตต์จะทำหน้าที่ต่อจากเจอโรม พาวเวล ซึ่งจะสิ้นสุดวาระลงในปี 2026 ความสอดคล้องด้านนโยบายกับรัฐบาลและท่าทีสนับสนุนการลดดอกเบี้ยเชิงรุก ทำให้แฮสเซตต์ถูกมองว่าเป็นผู้ที่จะนำพา Fed เข้าสู่ยุคใหม่ของการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโต ขณะเดียวกัน ตลาดกำลังถกเถียงเรื่องความเป็นอิสระของธนาคารกลางและผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาว

 

ธนรัชต์ พสวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทฮั่วเซ่งเฮง กล่าวว่า เควิน แฮสเซตต์ หรือ ดร. เควิน อัลเลน แฮสเซตต์ (Dr. Kevin Allen Hassett) ไม่ใช่หน้าใหม่ในแวดวงเศรษฐกิจสหรัฐฯ แต่ผ่านประสบการณ์การทำงานมาอย่างยาวนาน เช่น

  • นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์สายอนุรักษ์นิยมที่ได้รับการยอมรับสูง เคยทำงานใน Fed และ Columbia Business School รวมทั้งเคยเป็นที่ปรึกษาให้กับจอร์จ ดับเบิลยู บุช มิตต์ รอมนีย์ แม้แต่อดีตประธาน Fed ระดับตำนานอย่าง อลัน กรีนสแปน
  • มีผลงานด้านวิจัยและงานสอนในสถาบันเศรษฐกิจชั้นนำ รวมถึงสถาบัน American Enterprise Institute
  • จบการศึกษาระดับปริญญาเอก ดีกรี Ph.D. จาก University of Pennsylvania
  • เคยดำรงตำแหน่งประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจ (CEA) ระหว่างปี 2017–2019 ในรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก
  • ปี 2025 กลับมารับตำแหน่งผู้อำนวยการสภาเศรษฐกิจแห่งชาติ (National Economic Council: NEC) ในรัฐบาลทรัมป์สมัยที่สอง

 

ก่อนหน้านี้ แม้แฮสเซตต์เคยปฏิเสธในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CBS ว่า “ตนยังไม่ขอยืนยันอะไรเกี่ยวกับตำแหน่งประธาน Fed” แต่ตลาดกลับตอบรับข่าวลืออย่างดี เพราะเล็งเห็นสัญญาณว่า ทรัมป์กำลังใกล้เลือกตัวจริงมากขึ้นแล้ว ในอดีต แฮสเซตต์เคยตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินนโยบายดอกเบี้ยของ Fed อาจได้รับอิทธิพลทางการเมือง โดยระบุว่า Fed ขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่มีการผ่านกฎหมายลดภาษี แต่กลับลดดอกเบี้ยก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี ในปี 2024 ซึ่งสะท้อนผลประโยชน์ทางการเมืองแฝงอยู่ในกระบวนการตัดสินใจ

 

จุดยืนด้านนโยบายที่สอดคล้องกับทำเนียบขาว

 

นักวิเคราะห์ระบุว่า แฮสเซตต์มีความสอดคล้องกับทรัมป์อย่างชัดเจนในหลายด้าน ทั้งนโยบายลดภาษี การลดกฎระเบียบ และท่าทีสนับสนุนการกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโต แฮสเซตต์เป็นหนึ่งในผู้เรียกร้องให้ Fed ลดดอกเบี้ยในอัตราที่มากกว่าเดิม โดยมองว่าการปรับลดดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนธันวาคมเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อสนับสนุนภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

 

นอกจากนี้ แฮสเซตต์ยังเป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ที่วิจารณ์แนวทางการขึ้นดอกเบี้ยของพาวเวลอย่างต่อเนื่อง โดยระบุว่าการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาเป็นปัจจัยที่ถ่วงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ

 

ความกังวลต่อความเป็นอิสระของ Fed

 

แม้แฮสเซตต์จะได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายบริหาร แต่หลายฝ่ายตั้งคำถามเกี่ยวกับความเป็นอิสระในการทำงาน เพราะ Fed คือ ‘ผู้กุมบังเหียนเศรษฐกิจโลก’ การขยับดอกเบี้ยเพียง 0.25% สามารถเขย่าตลาดหุ้นทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจได้ทันที

 

สื่อในสหรัฐฯ หลายสำนักต่างรายงานในทิศทางเดียวกันว่า ความใกล้ชิดระหว่างแฮสเซตต์กับทรัมป์อาจทำให้ Fed ถูกกดดันให้คงนโยบายดอกเบี้ยต่ำเกินไปในระยะยาว และอาจทำให้เสถียรภาพทางเศรษฐกิจสั่นคลอน เช่น

  • Washington Post เตือนว่า Fed อาจลังเลที่จะขึ้นดอกเบี้ยแม้มีความจำเป็น
  • Business Insider ระบุว่า การเมืองอาจเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจเชิงนโยบายของ Fed
  • Austan Goolsbee ประธาน Fed ชิคาโกกล่าวว่า หากการเมืองมีบทบาทมากเกินไป อาจนำพาสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะ “เงินเฟ้อที่รุนแรงขึ้นและอัตราว่างงานที่สูงขึ้น”

 

ขณะนี้ แฮสเซตต์ยังคงอยู่ในรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกรอบสุดท้ายร่วมกับ เควิน วอร์ช อดีตผู้ว่าการ Fed สายเหยี่ยว และคริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการ Fed ปัจจุบัน โดยทรัมป์อาจประกาศชื่อประธาน Fed คนใหม่ปลายเดือนธันวาคมนี้ เพื่อเป็นของขวัญคริสต์มาสให้กับทุกคน ตามคำให้สัมภาษณ์ของ สก็อต เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ

 

Dot Plot 2026: ปัจจัยชี้ขาดทิศทางทองคำรอบใหม่

 

แม้ตลาดจะให้ความสนใจกับการประชุม Fed ในเดือนธันวาคมนี้ โดยคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25% ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งที่สามของปีนี้ แต่สำหรับนักลงทุนแล้ว สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ตัวเลขดอกเบี้ยก็คือ Dot Plot หรือแผนภูมิที่บ่งชี้มุมมองของกรรมการ Fed ต่อแนวโน้มดอกเบี้ยในปีต่อๆ ไป

 

ข้อมูลในรอบเดือนกันยายนที่ผ่านมาชี้ว่า Fed อาจลดดอกเบี้ยเพียงปีละครั้งในช่วงปี 2026 – 2027 ซึ่งเป็นการปรับลดแบบค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม ตลาดจับตาว่า Dot Plot รอบใหม่นี้จะส่งสัญญาณการลดดอกเบี้ยที่เร็วกว่าหรือมากกว่าที่คาดการณ์ไว้หรือไม่

 

หาก Dot Plot บ่งชี้ว่าการลดดอกเบี้ยเร่งตัวเร็วขึ้น จะเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ เนื่องจากสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นทำให้ดอลลาร์อ่อนค่า และกระตุ้นความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ในทางตรงกันข้าม หาก Fed ส่งสัญญาณว่าการลดดอกเบี้ยต้องเลื่อนออกไป หรือมีจำนวนครั้งน้อยลง ราคาทองคำอาจถูกกดดันในระยะสั้น แม้ภาพรวมระยะยาวยังได้รับแรงหนุนจากความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

 

“โดยรวมแล้ว Dot Plot ปี 2026 ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากมีอิทธิพลต่อทิศทางราคาทองคำมากกว่าที่คาดการณ์ไว้” ธนรัชต์ กล่าวสรุป

 

ภาพ: Chip Somodevilla/Getty Images

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising