เกิดอะไรขึ้น:
วันพุธที่ 11 สิงหาคม 2564 บมจ.เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (KEX) รายงานกำไรสุทธิ 2Q64 ที่ 336 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8%QoQ แต่ลดลง 81%YoY ใกล้เคียงกับที่ตลาดคาด โดยรายได้ 2Q64 อยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.8%QoQ แต่ลดลง 14.6%YoY โดยการเติบโด QoQ ได้รับการสนับสนุนจากปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่การลดลง YoY เกิดจากฐานสูงของปีก่อน และการลดราคาในเดือนมกราคม 2564
ข้อมูลจากคำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ (MD&A) ของ KEX รายงานปริมาณการจัดส่งพัสดุใน 1H64 ที่ 166.6 ล้านชิ้น เพิ่มขึ้น 10.8%YoY สู่ระดับที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งนี้ แม้ปริมาณการจัดส่งพัสดุเพิ่มขึ้น แต่ EBIT ต่อชิ้นใน 1H64 (ตามการคำนวณของ SCBS) อยู่ที่ 4.6 บาทต่อชิ้น ลดลงจาก 6.2 บาท ใน 1H63 ซึ่งสะท้อนในกำไรจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับทรงตัว QoQ และลดลง 16%YoY ใน 2Q64 สู่ 381 ล้านบาท ดังนั้นความสามารถในการทำกำไรของ KEX จึงยังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน
นอกจากนี้ KEX ยังประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจำนวน 0.743 บาทต่อหุ้น (ผลตอบแทนจากเงินปันผล 1.9%) ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 สิงหาคม 2564
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาหุ้น KEX ปรับตัวขึ้น 4.9%WoW สู่ระดับ 43.00 บาท สวนทาง SET Index ที่ปรับตัวลง 0.6%WoW สู่ระดับ 1,531.24 จุด (ข้อมูล ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2564)
มุมมองระยะสั้น:
SCBS มองว่าปริมาณการขนส่งใน 3Q64 จะเพิ่มขึ้นมากกว่าใน 2Q64 เนื่องจากการล็อกดาวน์ทำให้คนหันมาซื้อของออนไลน์กันมากขึ้น ทั้งนี้ การระบาดของโควิดในวงกว้างทำให้ผู้บริหารนำกลยุทธ์ที่เรียกว่า Over-Preparation มาใช้ ซึ่งประกอบด้วยการเช่าคลังสินค้าสำรองและจ้างพนักงานพาร์ตไทม์เพิ่ม ซี่งจะช่วยจำกัดความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน แต่จะส่งผลทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นใน 3Q64
นอกจากนี้ บริษัทจะใช้กลยุทธ์การกำหนดราคาเชิงรุกอย่างต่อเนื่องใน 3Q64 ดังนั้น SCBS เชื่อว่า EBIT ต่อชิ้นจะยังคงตกอยู่ภายใต้แรงกดดันใน 3Q64 โดย SCBS คาดว่ากำไรสุทธิ 3Q64 ของ KEX จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย QoQ โดยได้รับการสนับสนุนส่วนใหญ่จากปริมาณการจัดส่งพัสดุที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ KEX ได้เปิดตัว Kerry Wallet ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการชำระเงิน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อรักษากระแสเงินภายในบริษัทและจะทำให้บริษัทจัดแคมเปญโปรโมชันได้ง่ายขึ้น
มุมมองระยะยาว:
SCBS มองว่าแนวโน้มธุรกิจของ KEX จะเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวของธุรกิจ E-Commerce ในประเทศไทย เนื่องจากผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ซึ่งยังมีศักยภาพการเติบโตได้อีกมาก โดยอัตราการเข้าถึง E-Commerce ในประเทศไทยอยู่ระดับที่ 3.7% เทียบกับ 26.7% ในเกาหลีใต้ และ 9.0% ในญี่ปุ่น (ข้อมูลจาก Frost & Sullivan)
แต่อย่างไรก็ดี การแข่งขันในอุตสาหกรรมของธุรกิจในปัจจุบันมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ซึ่งทำให้ KEX เริ่มศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจใหม่คือ Kerry Cool (การขนส่งสินค้าแช่แข็งและแช่เย็น) และ Kerry LTL (การขนส่งสินค้าขนาดใหญ่มากกว่า 30 กิโลกรัมขึ้นไป) และคาดว่าจะเปิดตัวในช่วง 4Q64 ถึง 1Q65
