วราวุธ นาถประดิษฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการ บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX กล่าวว่า แผนธุรกิจปี 2564 บริษัทจะเน้นขยายธุรกิจเดิม ซึ่งเป็น Core Business อาทิ การขยายจุดให้บริการและจุดกระจายสินค้าต่างๆ เพื่อสร้างบริการที่แข็งแกร่งและรักษาฐานลูกค้า รวมทั้งการลงทุนด้านเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพบริการ และขยายความร่วมมือทางธุรกิจกับหนึ่งในผู้ถือหุ้นอย่าง บมจ. วีจีไอ หรือ VGI ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ร่วมมือกันโดยการจัดตั้งจุดบริการของเคอรี่บนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส
เบื้องต้นวางงบลงทุนสำหรับปี 2564 ราว 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม งบลงทุนนี้อาจมีการปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อความต้องการการจัดส่งพัสดุในประเทศไทย
นอกจากนี้ในปี 2564 น่าจะมีการเปิดตัวธุรกิจใหม่ที่ยังคงเกี่ยวเนื่องกับการจัดส่งพัสดุด่วนในประเทศไทยเช่นกัน
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่ระบาดเพิ่มมากขึ้นในประเทศไทย บริษัทได้เตรียมพร้อมในด้านการให้บริการ ทั้งจุดให้บริการและจุดกระจายสินค้า อาทิ ยกระดับการคัดกรองพนักงาน มาตรฐานด้านสาธารณสุขของพนักงาน ตลอดจนการให้บริการแก่ลูกค้า นอกจากนี้ยังได้สำรอง Capacity ไว้รองรับความต้องการลูกค้าที่อาจจะเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
“การแพร่ระบาดระลอกใหม่นี้ บริษัทเชื่อมั่นว่าคนไทยส่วนมากไม่ตื่นตระหนกเพราะเคยผ่านวิกฤตกันมาแล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป โดยในการแพร่บาดระลอกแรก ส่งผลให้ความต้องการจัดส่งพัสดุเพิ่มขึ้น 50% มาอยู่ราว 1.9-2 ล้านชิ้นต่อวัน ซึ่งระลอกใหม่ก็อาจจะไม่ต่างกันมากนัก และความสามารถในการให้บริการของบริษัทก็ยังรองรับได้”
อิศรินทร์ ภัทรมัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการลงทุน KEX กล่าวว่า ปี 2564 วางเป้าหมายการเติบโตของรายได้สอดคล้องกับการเติบโตของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของไทย ซึ่งน่าจะเติบโตใกล้เคียง 20%ในช่วง 1-3 ปีจากนี้ โดยอ้างอิงจาก Frost & Sullivan ซึ่งวิจัยและคาดการณ์ว่าอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยช่วงปี 2563-2567 จะมี Compound Annual Growth Rate (CAGR) อยู่ที่ 26.7% เทียบกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2557-2562) อีคอมเมิร์ซไทยมี CAGR อยู่ที่ 22.2%
ขณะที่ส่วนแบ่งยอดขายปลีกออนไลน์จากยอดขายปลีกรวมของประเทศไทยในปี 2563 คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 5.2% เทียบกับปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ 3.7% ขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้วอื่นๆ มีสัดส่วนดังกล่าวที่สูงมาก โดยจีนอยู่ที่ 27.5% ญี่ปุ่น 9% สหราชอาณาจักรอยู่ที่ 18.3% สหรัฐอเมริกา 15.2% และเกาหลีใต้ 26.7%
“แต่เดิมปี 2564 เรามองว่าโควิด-19 น่าจะคลี่คลายลง และน่าจะฟื้นความเชื่อมั่นผู้บริโภค แต่แม้จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ เราก็เชื่อว่าคนไทยก็เรียนรู้และมีการปรับตัวได้เร็ว จึงมองว่าดีมานด์ของอีคอมเมิร์ซน่าจะโตได้เรื่อยๆ”
ทั้งนี้ บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) หรือ KEX ได้เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยวันนี้วันแรก (24 ธันวาคม) ราคาเปิดการซื้อขายที่ 65 บาท เพิ่มขึ้น 37 บาท หรือ 132.14% และปรับตัวขึ้นทำราคาสูงสุดในช่วงเปิดการซื้อขายช่วงเช้าที่ 73 บาท
โดย KEX เสนอขายหุ้น IPO 300 ล้านหุ้น ที่ราคา IPO หุ้นละ 28 บาท คิดเป็นมูลค่าการเสนอขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 8,400 ล้านบาท ได้มีความต้องการจองซื้อของนักลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างท่วมท้น ณ ราคา IPO มีมูลค่ามาร์เก็ตแคป 48,720 ล้านบาท
ในช่วงการเสนอขายหุ้น IPO พบว่านักลงทุนสถาบันสนใจจองซื้อมากกว่าประมาณ 23 เท่าของจำนวนหุ้นที่จัดสรรให้ และประมาณ 10 เท่าจากกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ของจำนวนหุ้นที่จัดสรรไว้ เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ KEX ในฐานะผู้นำการให้บริการจัดส่งพัสดุด่วนของประเทศไทย ด้วยศักยภาพที่โดดเด่นและแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า