“ปัจจุบัน 92% ของบริษัทมีแผนที่จะลงทุนใน AI เพิ่มขึ้นใน 3 ปีข้างหน้า แต่มีเพียง 1% เท่านั้นที่ได้รับ Value หรือ Impact ทางธุรกิจอย่างแท้จริง สาเหตุเพราะบริษัทส่วนใหญ่แค่ยัด AI เข้าไป โดยไม่ได้พิจารณาปัจจัยสำคัญอื่นๆ” เรืองโรจน์ พูนผล, Group Chairman, KBTG ฉายภาพธุรกิจจำนวนมากที่กำลังเรียนรู้ที่จะนำ AI มาปรับใช้กับธุรกิจ หรือกำลังทรานส์ฟอร์มธุรกิจด้วย AI ในปัจจุบัน
แน่นอนว่า องค์กรที่สามารถปรับตัวและใช้ AI ในการทรานส์ฟอร์มได้สำเร็จจะเก่งกว่าองค์กรที่ไม่สำเร็จถึง 2-3 เท่า ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เรียกว่า K-Shaped Transformation
“Gen AI โมเมนต์จบไปนานแล้ว ก่อนจะเปลี่ยนมาสู่ Agentic AI ซึ่งเป็น AI ที่ทำงานได้อิสระเพื่อบรรลุเป้าหมายที่มนุษย์กำหนดไว้ และ 15% ของงานประจำในแต่ละวันจะถูกทำด้วย Agentic AI ภายในปี 2028”
อย่างไรก็ตาม เรืองโรจน์เตือนว่าความคาดหวังต่อ Agentic AI ในปัจจุบันอาจจะสูงเกินจริง อิงจากรายงานของ Gartner ที่ระบุว่า Agentic AI อยู่บนยอดสุดของ Hype Cycle แปลว่าความคาดหวังอยู่สูงกว่าความเป็นจริงเยอะมาก หลังจากนั้นจะค่อยๆ ถูกปรับลดความคาดหวังลงมา และในอีก 3 ปีข้างหน้า ก็จะค่อยๆ เข้าสู่จุดสมดุล
เป้าหมาย KBTG สู่บริษัทเทคโนโลยีระดับโลก
เรืองโรจน์บอกว่า ปัจจุบัน KBTG ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับเอเชียแปซิฟิกแล้ว สะท้อนจากรางวัลหลายด้าน (16 รางวัลในครึ่งปีนี้ และคาดว่าจะได้ถึง 30 รางวัลภายในสิ้นปี) แต่เป้าหมายสูงสุดของ KBTG คือการเป็นบริษัทเทคโนโลยีระดับโลก และเป็นบริษัทเรือธงของไทยในเวทีโลก
“มีตัวอย่างบริษัทเทคโนโลยีจากประเทศเพื่อนบ้าน เช่น Grab จากมาเลเซีย, VNG และ FPT จากเวียดนาม, Sea Group จากสิงคโปร์ ที่ก้าวสู่ระดับโลกได้ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่บริษัทเทคโนโลยีของไทยจะทำไม่ได้ นี่คือวิสัยทัศน์ของ KBTG ในอีก 5 ปีข้างหน้า”
เพื่อก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้ KBTG มี 5 กลยุทธ์หลักเพื่อนำ AI มาช่วยยกระดับองค์กร
- AI for Banking Business โดยนำ AI มาสนับสนุนการดำเนินงานหลักของธนาคาร
- AI for IT Delivery and Operation โดยนำ AI มาใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์และการดำเนินงาน Back Office
- AI and Data Platform โดยสร้างแพลตฟอร์มที่รองรับการสร้าง AI
- Compliance การควบคุมและกำกับดูแล AI
- AI for Business Outside คือการนำ AI ออกไปสร้างธุรกิจภายนอก
สำหรับปีนี้ KBTG ตั้งเป้าที่จะเพิ่ม Productivity อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าให้ 20% ของโค้ดทั้งหมด ถูกเขียนโดย AI ภายในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 10% ซึ่งจะช่วยให้ KBTG ทำงานได้เร็วขึ้น 2 เท่าใน 3 ปีข้างหน้า โดยใช้จำนวนคนเท่าเดิม
อย่างไรก็ดี KBTG ไม่ได้ต้องการใช้ AI เข้ามาแทนที่คนทั้งหมด แต่เน้นการเพิ่มขีดความสามารถของคนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้คนมีความสุขและมีส่วนร่วมในการทำงานมากขึ้น และในช่วงสิ้นปีนี้ KBTG จะมีการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ (KBTG 3.0) เพื่อรองรับการเติบโตในอีก 5 ปีข้างหน้า และส่งเสริมให้พนักงานมี Multi-skill และเข้าใจในตรรกะทางธุรกิจมากขึ้น และพัฒนาจาก Software Engineer สู่ Business Technology Engineer
เรืองโรจน์กล่าวต่อว่า การจะทำให้ KBTG ก้าวสู่ระดับโลกจะต้องขยายบทบาทและสร้าง Ecosystem ที่แข็งแกร่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขยายสู่ต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบันมีทีมงานในจีน, เวียดนาม และอินโดนีเซีย โดยมีเป้าหมายที่จะส่งเสริมคนไทยให้เติบโตในระดับภูมิภาค
KBTG เริ่มนำความสามารถด้านเทคโนโลยีระดับโลกไปช่วยบริษัทภายนอก และเปลี่ยนบทบาทจากองค์กรผู้พัฒนาเทคโนโลยีภายในมาเป็น Platform Ecosystem ที่ทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลก เช่น AI Governance Alliance ของ World Economic Forum เป็นหนึ่งใน 250 บริษัทของโลก, AI Alliance ของ Meta และ IBM เน้น open source AI เพื่อการสร้าง trustworthy AI โดยKBTG เป็นบริษัทไทยแรกใน Asia Pacific ที่เข้าร่วมในด้านนี้
ปัจจัยสำคัญที่ช่วยธุรกิจให้ทำ AI Transformation สำเร็จ
จากประสบการณ์ของ KBTG ในการทำ AI Transformation พบว่าการทำ Agentic AI นั้นยากกว่าที่คิดไว้มาก แต่ก็ได้รับประโยชน์มหาศาล ปัจจัยสำคัญในการทำให้ AI Transformation ประสบความสำเร็จคือ
- เลือก Use Case ที่ถูกต้อง ต้องเลือกงานที่เหมาะสมกับการนำ AI มาใช้
- ข้อมูลเพียงพอและมีคุณภาพ เพราะ AI ต้องการข้อมูลที่ดีและถูกต้องเพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ หากข้อมูลผิดพลาด AI ก็จะตัดสินใจผิดพลาดตามไปด้วย
- การปรับปรุงกระบวนการ (Process Transformation) การนำ AI มาใช้ต้องควบคู่ไปกับการปรับปรุงกระบวนการทำงาน หากไม่แก้กระบวนการ AI ก็ไม่สามารถแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่
- ระบบกำกับดูแล (Governance) Agentic AI ค่อนข้างน่ากลัวเพราะมันตัดสินใจได้เอง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบควบคุมและกำกับดูแล (Guardrail) ที่ดี
- ทักษะด้าน AI (Human in the loop) ยังคงต้องมีคนเข้ามาเกี่ยวข้องและกำกับดูแล AI เสมอ โดยเฉพาะในงานที่สำคัญหรือมีความเสี่ยงสูง
- ผู้นำ (AI Plus Mindset) ผู้นำองค์กรต้องมีแนวคิดแบบ AI Plus คือให้ AI เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดและผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเต็มที่ แทนที่จะคิดแบบ Plus AI คือ ทำงานแบบเดิม แล้วนำ AI มาเสริม
เรืองโรจน์ย้ำว่า AI Transformation เป็นการเดินทางระยะยาวของธุรกิจที่แตกต่างจาก Digital Transformation ในอดีตอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็วของเทคโนโลยีและขอบเขตของการเปลี่ยนแปลง
สิ่งสำคัญคือการเปลี่ยนวิธีคิดจาก ‘Plus AI’ มาเป็น ‘AI Plus’ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากและต้องใช้เวลา เรืองโรจน์เชื่อว่าหัวใจสำคัญของการปลดล็อกคุณค่าของ AI คือ ข้อมูล (Data) เป็นเหมือนกระดุมเม็ดแรก เพราะ AI กิน Data เป็นอาหาร บริษัทที่มี Data ที่ดีและเยอะ และมีการปกป้องข้อมูลที่ดี จะเป็นผู้ชนะ
เร่งสร้าง Business Value ด้วย AI
วรรณลภย์ วิสิฐธรรม Assistant Managing Director – Intelligence Engineering and Data Technology, KBTG บอกว่า AI เป็นตัวเร่งนวัตกรรมใหม่ๆ ผ่านการพัฒนาไอเดียของพนักงานให้เกิดขึ้นจริง จากในอดีตที่การทดสอบไอเดียใหม่ๆ อาจใช้เวลา 30 วัน ปัจจุบันสามารถทดสอบได้ภายใน 1 วัน
KBTG พัฒนาสิ่งที่เรียกว่า ‘AI and Data Playground’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยให้พนักงานทดสอบไอเดียของตัวเองได้ง่ายขึ้น และนำไอเดียที่ผ่านการทดสอบแล้วออกไปสู่การใช้งานจริงให้เร็วที่สุด
ปัจจุบันมีพนักงานกว่า 1,000 คน ที่เข้ามาร่วมสร้าง AI Agent ใน AI and Data Playground และมี AI Agent กว่า 10 ตัวที่ทำงานอยู่บน Production แล้ว ซึ่งช่วยลดเวลาการทำงานได้เร็วกว่าวิธีเดิมถึง 10 เท่า
ด้าน จิรัฎฐ์ ศรีสวัสดิ์ Assistant Managing Director – Software Development Excellence, KBTG กล่าวเสริมว่า KBTG ได้นำ AI Coding Assistant มาใช้กับ Software Engineer กว่า 600 คน ซึ่งช่วยเพิ่ม Productivity ได้กว่า 45% ปัจจุบัน AI ช่วยเขียนโค้ดไปแล้ว 10 ล้านบรรทัด คิดเป็น 10% ของโค้ดทั้งหมดที่ KBTG เขียน และช่วยลดต้นทุนไปแล้ว 32 ล้านบาทในครึ่งปีแรก
อีกส่วนสำคัญคือการกำกับดูแลและคุณภาพของ AI ให้เป็นไปตามมาตรฐานระดับโลก ในส่วนนี้ เมสินี นาคมณี Deputy Managing Director – Software Quality Management, KBTG เล่าว่า KBTG ได้พัฒนา AI Agent สำหรับการทดสอบคุณภาพซอฟต์แวร์โดยเฉพาะ คือ Chai LAI และ Sai JAI
Chai LAI เป็น AI สำหรับการทดสอบ (AI for Testing) ลดภาระงานของผู้ทดสอบ และเพิ่มความเร็วในการทดสอบ ทำให้กระบวนการทดสอบแม่นยำและรวดเร็วขึ้น ส่วน Sai JAI เป็นผู้กำกับคุณภาพของ AI (Testing for AI) ช่วยกำกับดูแลคุณภาพของ AI Agent ทุกตัวที่ KBTG สร้างขึ้นและนำออกไปใช้ เพื่อให้มั่นใจว่า AI เหล่านั้นได้ผ่านกระบวนการทดสอบที่เหมาะสมและมีคุณภาพที่ดี
AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต
เรืองโรจน์คาดการณ์ว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า AI จะกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันและการทำงาน เช่นเดียวกับที่เราไม่ตื่นเต้นกับการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่แล้ว
AI จะเข้ามาอยู่ในทุกจุดขององค์กร ทำงานร่วมกับคนในฐานะเพื่อนร่วมงานและเป็นส่วนหนึ่งของ Workflow ทำให้การทำงานราบรื่นจนผู้ใช้งานแทบไม่รู้สึกว่ากำลังใช้ AI อยู่
ส่วนยุคถัดไปโลกจะก้าวเข้าสู่ยุคของเทคโนโลยีที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น ได้แก่ Quantum Computing หรือการประมวลผลควอนตัมที่จะเข้ามาเปลี่ยนการเข้ารหัสและความปลอดภัยของข้อมูล Physical AI หรือ AI ที่มีปฏิสัมพันธ์กับโลกกายภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ AI และ Quantum จะช่วยให้เราเข้าใจชีวภาพมากขึ้น นำไปสู่การแก้ปัญหาทางชีววิทยาและสุขภาพ ขณะเดียวกันการพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ เช่น Micro Modular Reactor (MMR) เพื่อรองรับการบริโภคพลังงานมหาศาลของ AI และการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
เพื่อให้องค์กรพร้อมรับมือกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว หัวใจสำคัญคือพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง ในส่วนนี้ KBTG มีเป้าหมายคือ พนักงาน KBTG 100% มีความรู้พื้นฐานด้าน AI ตั้งแต่ปี 2024 ก่อนที่จะพัฒนาเป็น AI Mastery ในปี 2025 คือพนักงานทุกคนต้องสามารถสร้าง AI Agent เพื่อเป็นผู้ช่วยส่วนตัวได้ และถัดไปในปีหน้า KBTG จะเป็นองค์กรที่เป็นเลิศด้าน AI หรือ AI Excellence โดยการนำ Agentic workflow เข้ามาใช้และมีการ redesign process
#KBTG
#AgentAI
#HumanFirstAIFirst