คาสซิม โจมาร์ท โตกาเยฟ ประธานาธิบดีคาซัคสถาน ออกคำสั่งให้กองกำลังความมั่นคงยิงผู้ประท้วงโดยไม่ต้องเตือนล่วงหน้า ในขณะที่เหตุการณ์ความไม่สงบซึ่งเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เข้าสู่ปีใหม่ยังคงดำเนินต่อไปและทวีความรุนแรงขึ้น แม้นายกรัฐมนตรีคาซัคสถานและสมาชิกรัฐบาลลาออกจากตำแหน่งแล้วก็ตาม
ในระหว่างการแถลงด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวเมื่อวันศุกร์ (7 มกราคม) โตกาเยฟอ้างว่าเหตุการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยซึ่งดำเนินอยู่ในเวลานี้ เป็นการวางแผนและบงการโดยโจรผู้ก่อการร้ายที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ
เหตุการณ์จลาจลในคาซัคสถานมีชนวนเหตุมาจากความโกรธเคืองของประชาชนที่ออกมาประท้วงราคาน้ำมันที่แพงขึ้นแบบพุ่งพรวด ก่อนที่การประท้วงจะลุกลามบานปลาย ขยายไปสู่ความไม่พอใจรัฐบาลในวงกว้าง ทั้งในเรื่องคอร์รัปชัน มาตรฐานการครองชีพ ความยากจน และการว่างงานในประเทศที่ร่ำรวยด้วยทรัพยากรน้ำมัน และปัญหาทั้งหมดทั้งมวลนี้มีการระบาดของโควิดเป็นตัวเร่งให้สถานการณ์ยิ่งรุนแรงขึ้น
การปะทะระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงกับกองกำลังความมั่นคงส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบราย โดยสื่อของรัฐบาลคาซัครายงานเมื่อวันศุกร์ว่า เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคง 18 นาย และอาชญากรติดอาวุธ 26 คน เสียชีวิตในเหตุการณ์ประท้วงรุนแรง ขณะที่มีผู้ถูกควบคุมตัวแล้วมากกว่า 3,800 คน
นักข่าวในพื้นที่รายงานว่า ในเมืองอัลมาตี ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศ พบศพที่ร่างพรุนไปด้วยกระสุนนอนเกลื่อนถนน และได้ยินเสียงปืนดังแหวกอากาศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้มีรายงานการปล้นสะดมร้านจำหน่ายอาวุธปืน
มีรายงานว่า รัฐบาลได้เข้าควบคุมศูนย์กลางของอัลมาตี ในบริเวณใกล้กับทำเนียบประธานาธิบดีและสำนักงานของนายกเทศมนตรี โดยมีการจัดตั้งจุดตรวจทางทหารขนาดใหญ่ 3 แห่ง และหากใครเข้าไปใกล้จุดตรวจ กองกำลังจะยิงปืนขึ้นฟ้า ซึ่งยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าพวกเขาใช้กระสุนจริงหรือกระสุนยาง นักข่าวในพื้นที่เผยกับ CNN
โตกาเยฟกล่าวว่า สถานการณ์ในอัลมาตีเริ่มกลับมามีเสถียรภาพ อันเป็นผลมาจากการประกาศภาวะฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงการเคอร์ฟิวและจำกัดการเคลื่อนที่จนถึงวันที่ 19 มกราคม แต่ผู้ก่อการร้ายยังคงสร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของภาครัฐและเอกชน และใช้อาวุธกับพลเมือง “ผมจึงสั่งการให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและกองทัพเปิดฉากยิงสังหารโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า”
โตกาเยฟกล่าวด้วยว่า การชุมนุมอย่างสันติเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายเพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม เขากล่าวว่าการเรียกร้องจากต่างประเทศให้คาซัคสถานใช้วิธีการแก้ปัญหาอย่างสันตินั้น ‘ไร้สาระ’
หลังการแถลง โตกาเยฟยังได้โพสต์ข้อความผ่านทาง Twitter ซึ่งระบุว่า ‘พวกอันธพาลและผู้ก่อการร้าย’ 20,000 คนมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีอย่างน้อย ‘หกระลอก’ ในอัลมาตีในสัปดาห์นี้ พร้อมประกาศอย่างดุดันว่า “ไม่มีการพูดคุยกับผู้ก่อการร้าย เราต้องฆ่าพวกเขา”
ขณะที่ผู้ประท้วงหลายรายกล่าวกับสื่อต่างประเทศว่า พวกเขา ‘ไม่ใช่อันธพาลหรือผู้ก่อการร้าย’ อย่างที่ผู้นำคาซัคสถานกล่าว ผู้ประท้วงหญิงคนหนึ่งกล่าวว่า “สิ่งเดียวที่เจริญรุ่งเรืองที่นี่คือการทุจริต”
ชายอีกคนหนึ่งบอกกับ CNN ว่าประชาชน ‘ต้องการความจริง’ และกล่าวด้วยว่า “รัฐบาลร่ำรวย แต่ประชาชนกลับเป็นหนี้ เราเจ็บปวดและต้องการการแบ่งปัน”
“นี่คือรัฐบาลที่ไม่สนใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้น เป็นประเทศที่ไม่มีสถาบันที่เป็นตัวกลางให้ประชาชนประท้วงได้ ทางเดียวที่ทำได้คือบนถนน” พอล สตรองสกี จาก Carnegie Endowment for International Peace กล่าวกับ CNN
สื่อท้องถิ่นรายงานว่าผู้ประท้วงในอัลมาตีบุกสนามบิน อาคารสถานที่ราชการ และจุดไฟเผาสำนักงานที่ทำการหลักของเมือง ขณะที่มีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตหลายสิบคนและบาดเจ็บอีกหลายร้อยคนในการปะทะกันเมื่อวันพฤหัสบดี (6 มกราคม) นอกจากนี้ยังมีรายงานไฟดับทั่วประเทศและอินเทอร์เน็ตล่มในหลายเมืองใหญ่
กระทรวงอุตสาหกรรมและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของคาซัคสถาน ประกาศปิดสนามบินนานาชาติอัลมาตีจนถึงวันที่ 9 มกราคม ขณะที่สถานีโทรทัศน์ Khabar 24 รายงานว่า มีเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ถูกยกเลิกมากกว่า 20 เที่ยวบิน
ขณะเดียวกัน โตกาเยฟได้กล่าวขอบคุณบรรดาผู้นำประเทศสมาชิกองค์กรสนธิสัญญาความมั่นคงร่วม (CSTO) ที่ให้การสนับสนุน และแสดงความขอบคุณเป็นพิเศษต่อประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ที่ตอบรับคำร้องขอของเขา ‘ในทันที และที่สำคัญที่สุดคือ อย่างฉันมิตร’
ทั้งนี้ กองกำลังทหารรัสเซียที่ทำหน้าที่เสมือนกองกำลังรักษาสันติภาพของ CSTO ที่มีรัสเซียเป็นพี่ใหญ่ และประกอบด้วยประเทศต่างๆ ที่แยกตัวออกมาจากอดีตสหภาพโซเวียต เดินทางถึงคาซัคสถานแล้ว ตามคำร้องขอของโตกาเยฟที่หวังให้ช่วยควบคุมเหตุการณ์ไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ
โดยการส่งกองกำลังทางทหารมายังคาซัคสถานถือเป็นปฏิบัติการครั้งสำคัญในนาม CSTO นับตั้งแต่ก่อตั้งองค์การขึ้นอย่างเป็นทางการในฐานะพันธมิตรทางทหารเมื่อปี 2002 เพื่อควบคุมความไม่สงบเรียบร้อยครั้งใหญ่ในรอบกว่าทศวรรษที่เกิดขึ้นในประเทศสมาชิกอย่างคาซัคสถาน
พร้อมกันนี้ ผู้นำคาซัคสถานยังได้ขอบคุณประธานาธิบดีจีนสีจิ้นผิง ของจีน ประธานาธิบดีอุซเบกิสถาน ตุรกี ตลอดจนผู้นำของสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศอื่นๆ สำหรับคำพูดให้การสนับสนุน
ภาพ: Turar Kazangapov / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: