×

ปมขัดแย้ง ‘ไทย-กัมพูชา’ ฉุดการค้าชายแดนวูบเกือบ 100% ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินคาดครึ่งปีหลังเสียหาย 8-9 หมื่นล้านบาท

09.12.2025
  • LOADING...

จากสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ที่กลับมาปะทะกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2568 สร้างความกังวลต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ซึ่งปัจจุบันมีผลกระทบโดยตรงกับการค้าชายแดนหลังปิดด่านการค้าตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

 

ล่าสุด เกวลิน หวังพิชญสุข รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์กับ THE STANDARD WEALTH โดยประเมินสถานการณ์ดังกล่าวว่า ผลกระทบหลักได้เกิดขึ้นแล้วอย่างชัดเจนในภาค ‘การค้าชายแดน’ ซึ่งเป็นช่องทางเศรษฐกิจสำคัญระหว่างสองประเทศ

 

เกวลินระบุว่า ผลกระทบทางเศรษฐกิจเริ่มส่อเค้าลางมาตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะตัวเลขการค้าชายแดนที่ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในเดือนล่าสุด (กันยายน-ตุลาคม) ตัวเลขการค้าชายแดนหายไปเกือบ 100% หรือลดลงราว 90-100% เมื่อเทียบกับภาวะปกติ เนื่องจากการปิดด่านพรมแดน

 

ประเมินความเสียหายครึ่งปีหลัง 8-9 หมื่นล้านบาท

ข้อมูลจากศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ให้เห็นว่า ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาเริ่มส่งผลกระทบชัดเจนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม และรุนแรงขึ้นในช่วงกันยายนและตุลาคมที่มีการปิดด่าน ทั้งนี้ หากประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 คาดว่าจะกระทบมูลค่าการค้าชายแดนราว 8-9 หมื่นล้านบาท

 

ทั้งนี้ เพื่อให้เห็นภาพขนาดของผลกระทบ หากเปรียบเทียบกับสถิติในปี 2567 พบว่า มูลค่าการค้าชายแดนไทย-กัมพูชา อยู่ที่ประมาณ 1.75 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 0.9% ของ Nominal GDP ซึ่งตัวเลขความเสียหายที่เกิดขึ้นในปีนี้ถือเป็นสัดส่วนที่มีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจในพื้นที่

 

ธุรกิจแบกต้นทุนพุ่งหลังต้องปรับเปลี่ยนโลจิสติกส์

เกวลินยังสะท้อนถึงปัญหาด้านการขนส่งสินค้า (Logistics) ว่า ปกติการค้าระหว่างกันจะเน้นการขนส่งทางบกข้ามแดนเป็นหลัก แต่เมื่อเกิดเหตุปะทะและด่านถูกปิด ผู้ประกอบการจำเป็นต้องเปลี่ยนวิธีการขนส่ง ซึ่งส่งผลให้ต้นทุนสูงขึ้นทันที
“เมื่อไม่สามารถขนส่งทางบกข้ามแดนได้ตามปกติ ธุรกิจต้องเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น เช่น การขนส่งผ่านแดนไปยังประเทศที่สามอย่างเวียดนาม หรือเปลี่ยนไปใช้การขนส่งทางเรือและเครื่องบินแทน ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นต้นทุนโลจิสติกส์ที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับภาคธุรกิจ” เกวลินกล่าว

 

ท่องเที่ยว-ลงทุน ระยะสั้นยังจำกัด แต่ระยะยาวน่าห่วง

ในภาคการท่องเที่ยว เกวลินประเมินว่า แม้สัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวกัมพูชาที่เดินทางมาไทยจะมีจำนวนไม่มาก แต่สถานการณ์ความขัดแย้งส่งผลทางจิตวิทยา ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังบริเวณพื้นที่เสี่ยงหรือจังหวัดชายแดนที่มีปัญหา และหันไปเลือกจุดหมายปลายทางอื่นแทน

 

สำหรับภาคการลงทุน ปัจจุบันยังไม่เห็นปฏิกิริยาเชิงลบที่รุนแรงต่อธุรกิจไทยในกัมพูชาเหมือนเหตุการณ์ในอดีต แต่เกวลินมองว่าประเด็นนี้เป็นความเสี่ยงระยะกลางถึงยาว (Medium to Long term) หากสถานการณ์ยืดเยื้อ นักลงทุนไทยที่จะเข้าไปลงทุนในกัมพูชาอาจต้องนำปัจจัยความเสี่ยงนี้มาพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้น หรืออาจชะลอการตัดสินใจออกไปเนื่องจากความไม่แน่นอน

 

จับตาพัฒนาการของความขัดแย้ง

เกวลินทิ้งท้ายว่า ทิศทางเศรษฐกิจบริเวณชายแดนหลังจากนี้ขึ้นอยู่กับว่าเหตุการณ์จะยกระดับความรุนแรงขึ้นหรือไม่ หากสถานการณ์ไม่บานปลายไปมากกว่านี้ เศรษฐกิจอาจกลับมาอยู่ในจุดที่ทรงตัวแบบมีความขัดแย้งเรื้อรัง แต่หากมีการยกระดับความรุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนก็จะยิ่งกดดันบรรยากาศการค้าและการลงทุนต่อไป

 

ภาพ: Andy.LIU / Shutterstock

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising