ท่ามกลางแบรนด์มากมายในวงการฟุตบอล หนึ่งในแบรนด์และโลโก้ที่คนรักลูกหนัง – โดยเฉพาะคนที่เติบโตมากับฟุตบอลยุค 90 – จดจำได้ดีที่สุดคือ “Kappa”
สำหรับคนไทยส่วนหนึ่งที่จำได้แม่นอาจจะมาจากชื่อที่นำมาพ้องคล้องกันสนุกๆ ตามประสาชนชาติอารมณ์ดีว่า “ครับป้า” (ผ่าม!) แต่อีกส่วนหนึ่งคือโลโก้ที่โดดเด่นจดจำได้ง่าย และการออกแบบดีไซน์ที่ต้องบอกว่ามีเสน่ห์ในแบบที่ยากจะอธิบาย
โดยเฉพาะชุดแข่งของทีมยูเวนตุส ในยุค 90 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในยุคทองของทีมเบียงโคเนรี ด้วยสุดยอดนักเตะมากมายไม่ว่าจะเป็น โรแบร์โต บาจโจ, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร, ฟาบริซิโอ ราวาเนลลี หรือซีเนอดีน ซีดาน ต่างก็เคยใส่เสื้อใต้การออกแบบของ Kappa มาแล้วทั้งนั้น
ฝีมือในการออกแบบนี้ หลายคนอาจจะพอรู้หรือเคยได้ยินมาบ้างว่าเป็นเพราะ Kappa เดินทางมาจากประเทศอิตาลี ชนชาติผู้มีศิลปะอยู่ในทุกลมหายใจ (เธอคือทุกสิ่ง)
แต่ไม่ได้รู้จักมากไปกว่านั้นหรือลึกไปกว่านี้ ทั้งๆ ที่แบรนด์นี้มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย
เอาแค่เปิดฉากมาด้วยการบอกว่า จริงๆ แล้ว Kappa ไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นแบรนด์กีฬาอะไรหรอก เพราะพวกเขาก่อตั้งโรงงานขึ้นเพื่อทำถุงเท้ากับกางเกงในให้ทหารที่ออกไปรบในสมัยมหาสงครามโลกครั้งที่ 1 ต่างหาก!
แล้ว Kappa มาเป็นหนึ่งในแบรนด์สุดคัลต์ของโลกฟุตบอลได้อย่างไรและตอนไหนนะ?
เรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์ Kappa นั้นเรามี “จุดเซฟ” ให้ได้เลือกกัน 2 จุด
จุดแรกคือการก่อกำเนิดของแบรนด์ Kappa จริงๆ ซึ่งเกิดขึ้นมาในปี 1967 แต่หากจะย้อนกลับไปหาจุดเซฟแรกที่เป็นการเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างจริงๆ ต้องย้อนกลับไปไกลมากกว่า 100 ปีเลยทีเดียว
ในปี 1916 อบราโม วิตาเล ได้ก่อตั้งโรงงานแบรนด์ คาลซิฟิโอ โตริเนเซ ซึ่งรับมอบหมายในการผลิตสินค้าสำคัญ 2 อย่างคือถุงเท้ากับกางเกงใน โดยไม่ได้ผลิตเพื่อจำหน่ายทั่วไปอย่างเดียว แต่ผลิตเพื่อการใช้ในกองทัพของอิตาลีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1
โรงงานของคาลซิฟิโอ โตริเนเซ ตั้งอยู่ในเมืองตูริน ตั้งแต่ในวันนั้นและยังคงอยู่มาจนถึงวันนี้ไม่เคยย้ายที่หรือเปลี่ยนแปลงไปที่ไหน
แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือธุรกิจของแบรนด์ โดยจุดเปลี่ยนที่สำคัญเกิดขึ้นในปี 1956 เมื่อถุงเท้าของพวกเขาที่ผลิตในเวลานั้นเกิดปัญหาในเรื่องของคุณภาพและการกระจายสินค้า
ถุงเท้าจำนวนมหาศาลถูกตีกลับมาที่โรงงาน ซึ่งทำให้ทางด้านแบรนด์จำเป็นที่จะต้องหาทางกอบกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้เป็นการด่วน ไม่อย่างนั้นก็เสี่ยงต่อการที่จะเจ๊ง
สิ่งที่พวกเขาทำคือการปรับปรุงคุณภาพของสินค้า มีการออกแบบการผลิตใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือบรรจุภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ตัวอักษร “K” พร้อมกับคำภาษาเยอรมันกำกับว่า “Kontroll” เพื่อเป็นการบ่งบอกว่านี่เป็นถุงเท้าที่ได้รับการผลิตและควบคุมคุณภาพอย่างเข้มงวด
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาชาวอิตาลีจะซื้อถุงเท้า (รวมถึงชุดชั้นใน) ที่มีตัวอักษร “K” กำกับเท่านั้น เพราะเชื่อมั่นในคุณภาพ เรียกได้ว่ากลยุทธ์ในการกอบกู้ชื่อเสียงของคาลซิฟิโอ โตริเนเซ ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง จนกลายเป็นผู้นำในตลาด
ก่อนจะมีการเปลี่ยนชื่อของแบรนด์ใหม่ที่จดทะเบียนการค้าว่า “Kappa” ซึ่งตัว “K” นั้นมีที่มาจากภาษาละตินที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง, การไม่ยอมแพ้ และความทนทาน
แต่นี่เป็นเพียงแค่การตั้งท่าก่อนสตาร์ทสำหรับแบรนด์จากตูรินเท่านั้น
ความบังเอิญบางครั้งก็นำพาสิ่งดีๆ มาอย่างไม่ตั้งใจ
ในปี 1969 ในการถ่ายแบบแคตตาล็อกของชุดว่ายน้ำแบรนด์ Beartrix โดยฝีมือการถ่ายของช่างภาพ เซอร์จิโอ ดรูเอ็ตโต ซึ่งมีการถ่ายภาพเป็นจำนวนมาก ได้มีหนึ่งในภาพที่กลายเป็นภาพระดับ “ไอคอนิก” ในประวัติศาสตร์ของโลกกีฬา
ภาพดังกล่าวเป็นภาพเปลือยของนายแบบและนางแบบสาวที่นั่งชันเข่าหันหลังให้แก่กันในอิริยาบถที่เหมือนครุ่นคิดอะไรอยู่ ภาพนี้ได้ถูกนำมาปรับให้กลายเป็นโลโก้ของ Kappa
เราเรียกโลโก้นี้ว่า “Omini” ที่กลายเป็นตัวแทนของแบรนด์ที่บอกว่านอกจากจะสนับสนุนความเท่าเทียมและความร่วมมือกันระหว่างหญิงและชายแล้ว นับจากนี้ Kappa จะไม่ผลิตเพียงแค่ถุงเท้ากับชุดชั้นในอีกต่อไป
พวกเขาคือ “ความอิสระ” ที่จะผลิตเสื้อผ้าอะไรก็ได้ออกมา และแน่นอนว่าสิ่งที่ออกจากโรงงานแห่งนี้คือของดีมีคุณภาพตำรับตูรินอย่างแน่นอน
โดยคนที่อยู่เบื้องหลังคือ เมาริซิโอ วิตาเล ทายาทของครอบครัวที่ขึ้นมาเป็นซีอีโอของบริษัทในวัยเพียง 23 ปี สัมผัสได้ถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ที่กรอบต่างๆ ที่กำหนดมาตั้งแต่รุ่นพ่อและแม่ได้เริ่มถูกทลายลง รวมถึงการแต่งกายด้วย
วิตาเล ได้แรงบันดาลใจจากจอห์น เลนนอน ศิลปินก้องโลกจากวง The Beatles ที่ออกรายการโทรทัศน์โดยใส่เสื้อของทหารที่เสียชีวิตจากสงครามเวียดนาม ซึ่งทำให้เขาไขรหัสได้ว่าโลกยุคใหม่เสื้อผ้าจะต้องประกอบไปด้วยสิ่งสำคัญ 2 อย่าง
อย่างแรกคือความสบายในการสวมใส่
และอย่างต่อมาคือ Unisex เป็นเสื้อผ้าที่ผู้หญิงใส่ก็ได้ ผู้ชายใส่ก็ดี
แต่แค่เสื้อผ้าธรรมดายังไม่พอ เพราะ Kappa ไปได้ไกลกว่านั้น
จุดเปลี่ยนสำคัญครั้งที่ 2 ของแบรนด์เกิดขึ้นในปี 1978 เมื่อ มาร์โก บอกลิโอเน ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดจับกระแสความต้องการชุดแข่งกีฬาได้ และได้พยายามนำเสนอไอเดียให้แก่ วิตาเล ให้ตั้งแผนกกีฬาขึ้นมาในโรงงานเป็นการเฉพาะ
ไอเดียของบอกลิโอเน ได้รับการตอบรับจากวิตาเล ที่มองเห็นภาพในแบบเดียวกัน (Vision ของผู้นำถึงสำคัญ) โดยไม่เพียงแค่ก่อตั้งแผนกชุดกีฬาเท่านั้น Kappa – ซึ่งรีแบรนด์จากชื่อเต็ม Robe di Kappa มาอีกที – ได้ใช้กลยุทธ์ Sport marketing แบบเต็มตัว
ก้าวแรกของพวกเขาและเป็นก้าวที่ใกล้แต่สำคัญที่สุดคือการเป็นสปอนเซอร์ให้แก่สโมสรฟุตบอลยูเวนตุส หนึ่งในสโมสรดังของเมืองตูริน
แต่ Kappa ไม่ได้คิดแค่จะ “หาแสง” จากเรื่องนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นหัวใจของแบรนด์มาโดยตลอดคือเรื่องของ “คุณภาพ” โดยได้มีการพัฒนาเสื้อแข่งให้เหมาะสมกับการเล่นกีฬามากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเนื้อผ้าที่เบาและระบายอากาศได้ดี ไปจนถึงการตัดเย็บที่ต้องรักษาคุณภาพสูงสุดเอาไว้ให้ได้
ความไม่เคยเอาหัวใจออกจากผลิตภัณฑ์ทำให้ Kappa ไม่ใช่แค่ได้รับการยอมรับ แต่ได้รับความชื่นชมเป็นที่ชื่นชอบของชาวอิตาลี ก่อนที่จะเริ่มแตกไลน์ไม่ได้โฟกัสแค่เพียงชุดฟุตบอล แต่ไปถึงชุดกอล์ฟ, ชุดกรีฑา และกีฬาบนภูเขา
ในปี 1984 และ 1988 Kappa แบรนด์จากอิตาลี ได้เป็นแบรนด์ชุดกรีฑาทีมชาติสหรัฐอเมริกาในการแข่งขันโอลิมปิกที่เมืองลอสแอนเจลิสและโซล
เพียงแต่ “ภาพจำ” ของคนจำนวนมากแล้วย่อมหนีไม่พ้น Kappa ในสนามฟุตบอล ซึ่งไม่ได้มีเพียงแค่ยูเวนตุสทีมเดียวเท่านั้น
เอซี มิลาน ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดทีมของยุค 80 ต่อ 90 ไปจนถึง บาร์เซโลนา, โมนาโก หรือแม้แต่ทีมชาติอิตาลี ก็เคยเป็นผลงานการออกแบบของ Kappa ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเสื้อที่ “สวยงามเหนือกาลเวลา” ที่ในปัจจุบันยังเป็นที่ต้องการของแฟนฟุตบอลทั่วโลกอยู่เลย
ไม่เพียงเท่านั้น Kappa ยังเป็นไม่กี่แบรนด์ในโลกที่ “ครอส” ข้ามฝั่งจากกีฬาไปหาแฟชั่นได้อย่างแยบยลจนแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน
ไม่ได้เป็นเพียงแค่เสื้อฟุตบอล แต่เป็นส่วนหนึ่งของ Football Culture วัฒนธรรมลูกหนังที่เกิดขึ้น เติบโต และคงอยู่ตลอดมา
สมราคา “งานอิตาลี”
ถึงแม้ว่าปัจจุบัน Kappa จะไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนในอดีตแล้ว แต่ในวงการพวกเขายังถือเป็นหนึ่งในแบรนด์รุ่นครูที่ได้รับการยกย่องเสมอ และมักจะมีผลงานการออกแบบดีๆ ออกมาให้ฮือฮาอยู่เรื่อยๆ เรียกว่ายังคงรักษา “จิตวิญญาณ” ของแบรนด์เอาไว้ได้
เป็นหนึ่งในความทรงจำที่สวยงามที่ถูกเก็บไว้ในลิ้นชักของความรักและความคิดถึง
“ป้าครับ…ซื้อ Kappa ให้หนูหน่อย”
อ้างอิง:
- https://www.kappa.com/pages/about
- https://kappa-usa.com/pages/heritage
- https://www.kappateamsports.com/blogs/blog/the-history-of-kappa-from-farmhouse-socks-to-a-global-sportswear-powerhouse
- https://www.robedikappa.com/pages/story?srsltid=AfmBOoo-HPG_3Ux9kl7DMMKDUXex8-MsBm-jpY-jy6qbYaw0h5yL0hku
- https://www.houyhnhnm.jp/en/feature/264271/
- https://lowerblock.com/articles/kappa-iconic-italian-brand-with-a-rich-football-heritage/
- https://www.vogue.com/article/kappa-faith-connexion-athleisure-collaboration
- https://www.nss-sports.com/en/lifestyle/17296/kappa-a-history-of-intuition
- https://www.theiconic.com.au/edition/sneakerhub-behind-the-logo-kappa-news