วันนี้ (9 ตุลาคม) กัณวีร์ สืบแสง สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจงการติดตามตัวผู้ต้องหาคดีตากใบ ว่า รู้สึกผิดหวังที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ให้ตำรวจจากศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดชายแดนภาคใต้มาชี้แจง
ทั้งที่เป็นคดีสำคัญและเป็นหมายจับสำคัญระดับประเทศ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ที่เวลานี้รู้แล้วว่ามีคนออกนอกประเทศ 2 คน แม้จะออกไปก่อนมีหมายจับ แต่เป็นบุคคลที่ควรอยู่ใน Watchlist และควรประสานตำรวจสากลขอออกหมายแดงในทันที
“ตำรวจต้องรีบเร่งดำเนินการประสานออกหมายแดงทันที ไม่ใช่ทำตามขั้นตอนปกติเพราะคดีก็จะหมดอายุความ ต้องทำงานเชิงรุกกว่านี้ ไม่ใช่ทำตามขั้นตอนปกติหรือรอเอกสาร และปล่อยให้ผู้ต้องหาคนสำคัญออกนอกประเทศได้ ส่วนคนที่อยู่ในประเทศก็ไม่รู้ว่าอยู่ไหน ทำงานแบบนี้ไม่ได้หรอกครับ” กัณวีร์กล่าว
กัณวีร์กล่าวย้ำว่า คดีตากใบแสดงถึงความไม่จริงใจจริงจังของฝ่ายบริหาร และจะกระทบความมั่นคงระดับประเทศ หากสุดท้ายคดีหมดอายุความไปโดยไม่สามารถจับกุมใครได้ และจะทำให้เกิดบาดแผลที่ใหญ่หลวง ทำให้ไม่สงบสุข
“คดีตากใบไม่ใช่แค่คดีหนึ่งที่แค่ทำให้ผ่านๆ ไป แต่มันคือปัญหาทั้งหมดในช่วง 20 ปีที่ทำมาในหลายรัฐบาล ถ้าทำไม่ได้ งบประมาณ 5 แสนกว่าล้านบาทที่ใช้ไปจะไม่มีความหมาย” กัณวีร์กล่าว
กัณวีร์ย้ำว่าเหลือเวลาอีก 17 วัน ถ้าไม่สามารถฝากความหวังไว้กับฝ่ายปฏิบัติได้ ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารและเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ต้องแสดงเจตจำนงทางการเมืองของรัฐบาลในการนำมาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืน
กัณวีร์ยังเป็นห่วงสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จากการประเมินสถานการณ์ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้พูดคุยกันภายในเกี่ยวกับเรื่องนโยบายแล้ว แต่ยังมีคำถามว่าได้มีการพูดคุยร่วมกันกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า และพูดคุยกับคนในพื้นที่แล้วหรือไม่ ซึ่งจากที่ฟังมา ตนเองมองว่ายังเห็นว่ามีความเข้าใจไม่ตรงกันและยังไม่เห็นความเข้าใจจากผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ ดังนั้นถ้านโยบายดีขนาดไหน แต่ไม่สามารถนำไปปฏิบัติได้ นโยบายนั้นก็คงไม่มีความหมาย