ซีเกมส์ 2025 เมื่อวานนี้ที่สนามแข่งขันกีฬาเทควันโด ในช่วงท้ายระหว่างที่กำลังยืนเคารพเพลงชาติของผู้ชนะในรุ่น 73 กก. หญิง เราเหลือบไปเห็น ลูกแก้ว-กัญจ์ณาลักษณ์ ชื่นชูกลิ่น จอมเตะไทยวัย 18 ปี ยืนร้องไห้อยู่บนโพเดียม หลังเสร็จสิ้นพิธีการ ด้วยความสงสัยเราจึงเดินเข้าไปหาเธอด้านหลังเวที
เราถือโอกาสเข้าไปพูดกับลูกแก้วจึงได้เข้าใจถึงเหตุผลทั้งหมด ซึ่งเธอบอกกับ THE STANDARD SPORT ทั้งน้ำตาว่า “หนูเสียใจ เสียดายมากค่ะ หนูพยายามเต็มที่มากๆ มาพลาดช่วง 1-2 วินาทีสุดท้ายที่เดินถอยออกมาในยกแรก แล้วยก 2 ก็แพ้”
“หนูเองก็คาดหวังไว้เยอะมาก อยากคว้าเหรียญทองให้ได้ อยากทำให้มันดีกว่านี้ อีก 2 ปี หนูจะพัฒนาขึ้นให้มากๆ”
ที่เธอพูดถึง เป็นแมตช์ในรอบรองชนะเลิศที่แพ้ให้กับ Bac Thi Khiem คู่แข่งจากเวียดนามที่ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์สมัยที่ 2
ลูกแก้ว เล่าอีกว่า “ในเกมหนูตื่นเต้นมากๆ เหมือนสมองมันคิดไม่ทันค่ะ ยกแรกตอนที่แต้มเสมอกัน 10-10 คะแนน แล้วหนูถอย เพราะคิดว่าตัวเองนำอยู่ 1 แต้ม ก็เลยลองถอยดู แต่หันกลับมองสกอร์บอร์ดอีกที เป็นเขาที่มีคะแนนนำ 1 แต้ม พอจะเดินไล่ก็ไล่ไม่ทันแล้วค่ะ เสียดายมากๆ”
“ส่วนยก 2 ตอนที่คะแนนหนูตามหลัง 5-6 คู่แข่งเขาก็เอาแต่ถอยอย่างเดียว กรรมการก็ไม่ตัดคะแนนสักทีหนูก็รออยู่ แล้วก็แพ้ค่ะ”
“แต่หนูจะกลับไปพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะเรื่องความแข็งแรง ความไว ขนาดหนูน้ำหนักตัวมากกว่า แต่รับรู้ได้เลยว่าคู่แข่งแข็งแรงมาก”
ถึงตรงนี้ก็รับรู้ได้ทันทีว่าทั้งหมดเป็นเรื่องของประสบการณ์ที่ชั่วโมงบินยังน้อย เป็นปกติของนักกีฬาวัยทีนที่ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ไม่เว้นแม้แต่นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกอย่าง เทนนิส-พาณิภัค หรือ โปรจีน-อาฒยา ฯลฯ ทั้งคู่ต่างก็เจอเหตุการณ์ลักษณะนี้มาก่อน
ลูกแก้ว-กัญจ์ณาลักษณ์ อายุอ่อนกว่าคู่แข่งถึง 7 ปี และยังลงแข่งในฐานะนักกีฬาทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรก บนเวทีมหกรรมกีฬาครั้งสำคัญต่อหน้ากองเชียร์เต็มสนาม ท่ามกลางบรรยากาศที่อัดแน่นไปด้วยเสียงเชียร์และแรงกดดัน ซึ่งเธอไม่เคยได้สัมผัสแบบนี้จากเวทีไหนมาก่อน
“ตื่นเต้นมากค่ะ ลงไปตื่นคนค่ะ คนเยอะมากด้วย เป็นแมตช์ทีมชาติครั้งแรกของหนูด้วย ที่ผ่านมาเคยติดทีมเยาวชนตอนอายุ 15 พอมาเจอรุ่นใหญ่ก็เรียนรู้ได้ทันทีว่าเรายังแข็งแรงไม่พอ”
เราถามเธออีกว่า ถ้ากลับบ้านไปให้เขียนบันทึกบทเรียนที่ได้รับจากซีเกมส์ครั้งแรกในชีวิตลงสมุด เธอได้เรียนรู้อะไรจากความผิดหวังในวันนี้บ้าง
“หนูอยากนั่งคุยกับตัวเองว่า เล่นมาขนาดนี้ทำไมยังตื่นเต้นอยู่ หนูเชื่อว่าฝีมือหนูสู้ แต่ว่าเรื่องจิตใจหนูอาจจะยังไม่นิ่งพอ ต้องกลับไปเสริมเรื่องสภาพจิตใจ รวมถึงความแข็งแรงเยอะอีกมากๆ”
ถึงตรงนี้เธอเริ่มมีรอยยิ้มและหัวเราะได้บ้างแล้ว ก่อนจะบอกกับเราอีกว่า “ปีหน้ามีแข่งชิงแชมป์เอเชีย เอเชียนเกมส์ หนูสู้ตายค่ะ พร้อมมากๆ ทุกสนามหนูได้หมด แต่หนูขอกลับไปซ้อมก่อน จะตั้งใจซ้อมให้มากๆ”
“เป้าหมายสูงสุดของหนูอยากได้เหรียญทองโอลิมปิก อยากพัฒนาฝีมือให้เก่งแบบเก่งมากๆ จนคว้าได้ครบทุกเหรียญทุกสนามเลยค่ะ”
คำตอบของลูกแก้วเป็นอะไรที่งดงามมากๆ เพราะเป็นมนุษย์เราจึงผิดพลาด แต่สิ่งสำคัญเมื่อผิดพลาดแล้ว มีวิธีรับรู้และแก้ไขมันอย่างไร และไม่ใช่ทุกคนที่จะรับรู้ถึงข้อผิดพลาดของตัวเองได้รวดเร็วแบบนี้ด้วย ถือเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมสำหรับนักกีฬาวัยเพียง 18 ปีมากๆ ซึ่งนั่นคือแก่นแท้ของกีฬา ที่ไม่ใช่เรื่องผลแพ้-ชนะ สิ่งสำคัญที่สุดคือเราได้เรียนรู้อะไรจากชัยชนะ หรือได้บทเรียนอะไรจากความพ่ายแพ้
และนี่คือเหตุผลว่าทำไมซีเกมส์ถึงควรมีอยู่ต่อไป แม้จะเป็นมหกรรมกีฬาเล็กๆ ไม่ใหญ่เทียบเท่าแมตช์อื่นๆ แต่เวทีนี้เปรียบเสมือนบันไดขั้นแรกสำหรับนักกีฬาทุกคน ที่จะทำให้พวกเขาได้เรียนรู้ พัฒนา เพื่อก้าวไปสู่ในระดับที่สูงขึ้น และกลายเป็นคนที่ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกด้าน


