วันนี้ (11 กันยายน) เวลาประมาณ 14.00 น. แก้วสรร อติโพธิ ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงเจตจำนงยืนยันจะส่งเรื่องถึงกรรมการสภามหาวิทยาลัยและผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถึงกรณีขอให้ระงับการใช้พื้นที่ภายในมหาวิทยาลัยเพื่อการชุมนุมใหญ่ของแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ในวันที่ 19 กันยายนนี้
โดยในหนังสือชี้แจงต่อสื่อมวลชนมีใจความระบุว่า ด้วยฐานะบรรดาศิษย์เก่าธรรมศาสตร์ผู้ที่มีรายนามท้ายบันทึกดังกล่าว ได้พร้อมกันเล็งเห็นว่า นักศึกษา ‘แนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม’ ไม่มีทั้งความโปร่งใส ,ความรับผิดชอบ และความสามารถที่จะจัดชุมนุมโดยสงบสมตามที่กล่าวอ้างได้ จึงขอเรียนไปยังผู้ที่รับผิดชอบได้โปรดพิจารณามีคำสั่งปฏิเสธคำขอใช้พื้นที่ชุมนุมในมหาวิทยาลัยของนักศึกษากลุ่มนี้ด้วย ตามเหตุผลดังนี้
- เป้าประสงค์: กลุ่มนักศึกษาผู้ขอจัดการชุมนุมแถลงยืนยันไว้ชัดเจนว่า จะเปิดชุมนุมนักศึกษาและประชาชน 1 วัน 1 คืน จากนั้นจะเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ตัวเลขโดยประมาณอยู่ที่ 40,000 คนขึ้นไป เพื่อ ‘ต่อสู้สร้างแผลให้เผด็จการอย่างไม่รู้ลืม’ และสัญญาว่า ‘พี่น้องจะไม่กลับมือเปล่าอย่างแน่นอน’
- สงบแต่ปาก: ขบวนที่จะมาร่วมและยกไปทำเนียบนี้ กลุ่มศิษย์เก่ากลุ่มนี้เห็นว่ามีคุณภาพเป็นมวลชนแห่งความจงเกลียดจงชังที่ผ่านการปลุกปั่นมายาวนานในโลกไซเบอร์ ซึ่งเมื่อออกจากทวิตเตอร์มารวมตัวกันจริงๆ บนท้องถนนแล้ว ก็ยิ่งจะก้าวร้าวราวกับเรดการ์ด จนยากที่จะเชื่อหรือหวังในความสงบและการเจรจากันเช่นวิถีทางประชาธิปไตยได้
- สุ่มเสี่ยงสูงสุด: สำหรับความสามารถและความรับผิดชอบนั้นก็มองไม่เห็นเลยว่านักศึกษากลุ่มนี้จะมีความสามารถในการนำ ควบคุม จัดการคุ้มครองผู้ชุมนุมได้อย่างไร เห็นมีแต่ความสามารถทางวาทกรรมเท่านั้น คำกล่าวที่ว่าจะชุมนุมโดยสงบจึงเป็นเรื่องเกินศักยภาพทั้งสิ้น ยิ่งวางแผนว่าจะเทม็อบ 40,000 คนใส่ทำเนียบรัฐบาลด้วยแล้ว ก็ยิ่งน่าห่วงว่าจะได้เห็นร่างวีรชนต้องจากไปอีกหลายคนเหมือนคราวที่เทม็อบพฤษภาทมิฬอีก
- ไว้วางใจไม่ได้: ท้ายที่สุดกลุ่มศิษย์เก่าเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่นักศึกษากลุ่มนี้จะมีการนำและการจัดการโดยอิสระลำพังกลุ่มตนเองได้ แทนที่นักศึกษาและคนพวกนี้จะกล้าประกาศรวมตัวให้ปรากฏเป็น ‘แนวร่วมต่อต้านเผด็จการ’ ที่โปร่งใส ชัดเจน ชัดทั้งการนำและอิสระทางการเมือง ตลอดจนที่มาของค่าใช้จ่าย และจุดแห่งชัยชนะที่ต้องการ พวกเขากลับดันให้เด็กนักศึกษาของเราไม่กี่คนมาออกหน้า ความลับๆ ล่อๆ เช่นนี้เป็นไปแล้วและเป็นไปได้ก็ด้วยเหตุที่กฎหมายชุมนุมสาธารณะได้ยกเว้นไว้ ไม่ให้นำมาตรการตรวจสอบมาใช้กับการชุมนุมในสถานศึกษา จนเปิดช่องให้มีการวางแผนเลี่ยงกฎหมาย โดยขอจัดชุมนุมในมหาวิทยาลัยซ่องสุมกำลังก่อน แล้วยกขบวนออกไปอาละวาดนอกมหาวิทยาลัยต่อไป
- ธรรมศาสตร์มีส่วนร่วมด้วยไม่ได้: ด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ศิษย์เก่าท้ายบันทึกดังกล่าวจึงเห็นว่า คำขอจัดชุมนุมครั้งนี้ไม่สุจริต ไม่โปร่งใส ไม่มีความสามารถ และมีความรับผิดชอบที่ต่ำกว่ามาตรฐานประชาธิปไตย จนไม่อาจรับรองให้ชุมนุมโดยอิสระในสถานศึกษาได้
แก้วสรรยังมองว่า ปัจจุบันมีกฎหมายชุมนุมกำหนดไว้ว่า การชุมนุมสาธารณะห้ามข้ามคืน หรือถ้าอยู่เฉยๆ ก็ห้ามใช้ลำโพง และจะต้องมีการกำหนดรายชื่อที่มาของค่าใช้จ่าย ผู้รับผิดชอบแผนการระยะเวลาในการชุมนุมให้ชัดเจน เพื่อขออนุญาต ซึ่งหากมีการกระทำผิดก็สามารถขอคำสั่งศาลยุติการชุมนุมได้ แต่กฎหมายนี้ไม่นำมาใช้สำหรับกิจกรรมและการชุมนุมในสถานศึกษา ทำให้เชื่อว่าเป็นแผนที่จะเทคนใส่บริเวณข้างนอก มธ. โดยอาศัยธรรมศาสตร์เป็นที่ตั้ง เพื่อที่จะทำให้อยู่ในกฎหมายนี้ ซึ่งเป็นการเลี่ยงกฎหมาย สิ่งที่ตนไม่เห็นด้วยกับการชุมนุมของกลุ่มนักศึกษา ไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการใช้สิทธิเสรีภาพ แต่เป็นสิทธิการชุมนุมที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ ในฐานะที่ตนเป็นศิษย์เก่า ไม่เห็นด้วยที่จะใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นฐานทัพในการละเมิดรัฐธรรมนูญ พร้อมยืนยัน คณะที่ออกมาคัดค้าน มาในนามศิษย์เก่าเท่านั้น ไม่ใช่ในนามธรรมศาสตร์ทั้งหมด
พร้อมกันนี้แก้วสรรยังได้ขยายความถึงประเด็นที่จะชูในการคัดค้านนั้นว่า จะใช้คำว่า ปิด มธ. พอกันทีวีรชน โดยแก้วสรรอธิบายว่า วีรชนคือผู้เคราะห์ร้ายจากสงครามทางการเมืองที่ไม่มีใครรับผิดชอบ ซึ่งทางกลุ่มไม่ต้องการจะเห็นอีก
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะมีกระบวนการลงชื่อท้ายหนังสือดังกล่าว ซึ่งจะใช้เวลาร่วมลงชื่อจนถึงวันอังคารที่ 15 กันยายนนี้ ก่อนที่จะนำไปยื่นต่อผู้บริหารมหาวิทยาลัยต่อไป และเป็นการมายึดคืนธรรมศาสตร์จากเผด็จการ พร้อมให้กำลังใจอธิการบดีด้วย
ขณะที่วันนี้ นพ.ทศพร เสรีรักษ์ สมาชิกพรรคเพื่อไทย ได้มาร่วมฟังการแถลงข่าว พร้อมชูป้ายธรรมศาสตร์เป็นของประชาชน ภายในงานด้วย