เมื่อคริสเตียโน โรนัลโด กลายเป็นความล้มเหลว ที่ทำให้ยูเวนตุสอาจต้องทบทวนตัวเองอีกครั้ง

ในปี 2017 ยูเวนตุส สโมสรที่ครองความยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลีตลอดทศวรรษที่ผ่านมา ประกาศแผนการในการเปลี่ยนแปลงสโมสรครั้งยิ่งใหญ่

แผนการดังกล่าวคือการ ‘รีแบรนดิง’ สโมสรในระดับลึกที่สุด คือ ตั้งแต่ตราสัญลักษณ์ของสโมสร ซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ที่แปลกและแตกต่างจากของเดิมที่เคยมีการออกแบบมาอย่างมาก จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมา

การรีแบรนด์ในครั้งนั้นมีเป้าหมายชัดเจนในการที่จะทำให้ยูเวนตุสกลายเป็นทีมมหาอำนาจของโลก เพื่อเจาะตลาดฐานแฟนบอลกลุ่มใหม่ที่ใหญ่และกว้างขึ้น

แต่การเปลี่ยนแปลงของทีมดังแห่งเมืองตูรินยังไม่หยุดแค่นั้น เมื่อพวกเขาสร้างความฮือฮาด้วยการคว้าตัว คริสเตียโน โรนัลโด มาจากทีม ‘ราชันชุดขาว’ เรอัล มาดริด ในช่วงฤดูร้อนปี 2018 ด้วยค่าตัว 112 ล้านยูโร แม้ว่าจะมีวัยมากถึง 33 ปีแล้วก็ตาม

ปฏิบัติการคว้าตัวซูเปอร์สตาร์ที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกลูกหนังไม่ใช่เพียงแค่เรื่องในสนาม แต่ยังหมายถึงเรื่องนอกสนามด้วย ในครั้งนี้นั้นเป้าหมายด้านหนึ่งคือเพื่อสนับสนุนแผนการเจาะตลาดใหม่ของสโมสร เพราะโรนัลโดคือนักฟุตบอลระดับ ‘ไอคอน’ ที่แฟนบอลทั่วโลกรู้จักและชื่นชมมากที่สุดคนหนึ่ง ขณะเดียวกันก็เป็นการทำให้แบรนด์ของยูเวนตุสแข็งแกร่งขึ้นด้วย

แค่ 24 ชั่วโมงแรกหลังการประกาศย้ายมาร่วมทีมของสตาร์ชาวโปรตุเกส เสื้อของยูเวนตุสที่มีชื่อของโรนัลโดพิมพ์ด้านหลังสามารถทำยอดจำหน่ายได้มากถึง 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่กองหน้าอมตะผู้นี้ไม่ได้ถูกซื้อมาด้วยเป้าหมายทางการตลาดเพียงอย่างเดียว อีกหนึ่งเป้าหมายที่ยูเวนตุสตั้งเป้าเอาไว้ และทำให้ตัดสินใจที่จะลงทุนซื้อเขาเข้ามาร่วมทีมคือ การทำให้สโมสรกลับมาเป็นแชมป์ยุโรปให้ได้อีกครั้ง

ถ้วยแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกคือจอกศักดิ์สิทธิ์ที่เหล่าผู้บริหารของทีมเบียงโคเนรีมองมานาน เพราะยูเวนตุสไม่สามารถจะยกระดับตัวเองให้ไปอยู่จุดเดียวกับบาร์เซโลนา หรือเรอัล มาดริดได้ จะเทียบกับบาเยิร์น มิวนิก หรือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือลิเวอร์พูลเองก็อาจจะลำบาก และอาจจะโดนปารีส แซงต์ แชร์กแมงแซงหน้าไปแล้วด้วยซ้ำ

โรนัลโด ผู้เคยพิชิตแชมป์ยุโรปมาแล้ว 5 สมัย – 1 สมัยกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2008) และอีก 4 สมัยกับ ‘โลส บลังโกส’ เรอัล มาดริด (2014, 2016-18) – คือความหวังสูงสุดอย่างปฏิเสธไม่ได้

แต่ผ่านมา 3 ฤดูกาลตั้งแต่ 2018/19, 2019/20 และล่าสุด 2020/21 แม้ว่าจะยังรักษามาตรฐานในการผลิตสกอร์ได้อย่างสม่ำเสมอ ทำลายสถิติต่างๆเป็นว่าเล่น โรนัลโดกลับไม่สามารถที่จะช่วยนำยูเวนตุสให้ถึงจุดหมายในการครองทวีปยุโรปได้

อย่าว่าแต่ได้แชมป์เลย เข้าชิงชนะเลิศสักครั้งก็ยังไม่มี

ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา ยูเวนตุสกระเด็นตกรอบแชมเปียนส์ลีกอีกครั้ง และเป็นฤดูกาลที่ 2 ติดต่อกันที่พวกเขาถูกหยุดอยู่แค่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยน้ำมือของทีม ‘มังกรน้ำเงิน’ เอฟซี ปอร์โต้ ที่ทำผลงานได้น่าประทับใจอีกครั้ง

จากนัดแรกที่ทีมของ แซร์โจ คอนไซเซา อดีตปีกจอมเลื้อยทีมชาติโปรตุเกส เฉือนเอาชนะมาได้ 2-1 มานัดนี้พวกเขาทำแสบสัน โดยแม้จะแพ้ในเวลา 90 นาที 1-2 และต้องเล่นต่อในช่วงของการต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที แต่ประตูจากลูกฟรีคิกของ แซร์โจ โอลิเวรา ก่อนหมดเวลา 5 นาที ทำให้ยูเวนตุสตกในสถานการณ์วิกฤต เพราะต้องทำอีก 2 ประตูเพื่อแซงหน้า

สุดท้ายแม้ อาเดรียง ราบิโอต์ จะยิงให้ทีมได้ 1 ประตูหลังจากนั้น แต่ยูเวนตุสก็ชนะไปแค่ 3-2 ตกรอบไปด้วยกฎประตูทีมเยือน

โรนัลโด? เป็นอีกครั้งที่เขาไม่สามารถจะช่วยทีมได้ และอีก 2 ประตูที่ทำได้ของยูเวนตุสก็ไม่ได้มาจากเขา แต่มาจาก เฟเดริโก เคียซา บุตรชายของอดีตดาวยิงพรสวรรค์ เอ็นริโก เคียซา

การตกรอบอีกครั้งอย่างเจ็บปวด ปฏิเสธไม่ได้ว่ายูเวนตุสทำเป้าหมายไม่สำเร็จ แม้จะพยายามทำในสิ่งที่ทะเยอทะยานมากที่สุดอย่างการคว้าตัวโรนัลโดมาร่วมทีมแล้ว

ขณะที่ตัวของดาวยิงพระกาฬ ด้วยวัย 36 ปี แม้จะยังรักษาสภาพร่างกายและมาตรฐานการเล่นได้ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ ความมหัศจรรย์ในการเล่นที่จะสามารถตัดสินเกมสำคัญได้นั้นค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวอีกทีก็แทบมองไม่เห็นแล้ว

สิ่งที่น่าสนใจหลังจากนี้คือยูเวนตุสจะทำอย่างไรต่อ

ก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่าสโมสรเองก็ประสบปัญหาอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับค่าจ้างมหาศาลของโรนัลโด และทีมก็ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากโควิด-19 เหมือนกับสโมสรระดับยักษ์ใหญ่แห่งอื่นที่แทบจะล้มทั้งเป็นกันไปหมด

ในเซเรีย อา ที่เคยผูกขาดมาตลอดก็ตกที่นั่งลำบาก เมื่อ อันเดรีย ปิร์โล ดูจะยังไม่เก่งพอที่จะทำให้เบียงโคเนรีกลับมาแข็งแกร่งเหมือนในช่วง 2-3 ปีก่อนได้ และทีมวันนี้ก็ไม่ได้ดูดีกว่าในวันที่ เมาริซิโอ ซาร์รี อยู่ในตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย

การตามหลังอินเตอร์ มิลานไกลถึง 10 แต้ม หมายถึงโอกาสจะป้องกันแชมป์ 10 สมัยติดต่อกันเป็นเรื่องที่ยากมหันต์

บางทียูเวนตุสอาจต้องทบทวนตัวเองอีกสักครั้งถึงแนวทางหลังจากนี้ ว่าพวกเขาจะก้าวเดินต่อไปอย่างไร

รวมถึงรายของโรนัลโด ที่อาจจะต้องกลับมาคุยกันใหม่ว่ายังจะก้าวเดินกันอย่างไรในอนาคต

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

อ้างอิง: