วันนี้ (29 สิงหาคม) เมื่อเวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซาอุดีอาระเบีย จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย บุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กีรติ รัชโน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ ภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ แถลงข่าวภายหลังการนำคณะผู้แทนการค้าไทย ภาครัฐและเอกชน เข้าพบปะหารือกับ 5 รัฐมนตรีของซาอุดีอาระเบีย ได้แก่ กระทรวงพาณิชย์ แรงงาน ท่องเที่ยว การลงทุน และอุตสาหกรรมเหมืองแร่ รวมถึงประธานสภาหอการค้าซาอุดีอาระเบีย และประธานองค์การอาหารและยา ซาอุดีอาระเบีย ท่ีห้อง Al Biyal Diywan โรงแรม Intercontinental ประเทศซาอุดีอาระเบีย
จุรินทร์กล่าวว่า ตนได้มีโอกาสมาเยือนซาอุดีอาระเบียพร้อมนำภาคเอกชนมาเจรจาทางการค้าจำนวน 138 ราย มีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์จำนวนหนึ่ง ภารกิจที่สำคัญสูงสุดประการหนึ่งคือ การหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของซาอุดีอาระเบีย มาจิด บิน อับดุลลา อัล กาซาบี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสื่อสารมวลชน เมื่อช่วงเย็น
สำหรับการหารือนั้นท่านได้เชิญรัฐมนตรีอีก 4 ท่าน มาร่วมหารือด้วย รัฐมนตรีอีก 4 ท่าน ประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการลงทุน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรแร่ธาตุ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและการพัฒนาสังคม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยว และท่านยังเชิญประธานหอการค้าซาอุดีอาระเบียและประธานองค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบียร่วมหารือด้วย ซึ่งท่านแจ้งให้ทราบว่าท่านมกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบียได้ให้ความสำคัญกับประเทศไทยอย่างยิ่ง โดยภายหลังการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียของนายกรัฐมนตรีประเทศไทยในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และท่านสั่งการให้รัฐมนตรีทุกคนให้ความร่วมมือกับไทยอย่างเต็มที่ในทุกมิติ ซึ่งการหารือประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง มีผลสัมฤทธิ์เป็นรูปธรรม ที่สำคัญท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ซาอุดีอาระเบีย รับข้อเสนอของตนทุกข้อ
เรื่องที่หนึ่ง ตนเสนอให้ซาอุดีอาระเบีย ในฐานะที่เป็นประเทศหนึ่งที่มีความสำคัญในกลุ่มประเทศอ่าวอาหรับ (GCC) ทำ FTA กับไทย ซึ่งรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบียตอบรับข้อเสนอของตน จะเริ่มเดินหน้าจัดทำ FTA ระหว่างไทยกับ GCC ที่มี 6 ประเทศ ประกอบด้วย (ซาอุดีอาระเบีย, บาห์เรน, โอมาน, ยูเออี, กาตาร์ และคูเวต) โดยซาอุดีอาระเบียจะช่วยประสานงานและผลักดันร่วมกับประเทศไทยต่อไป เพื่อให้เกิด FTA ไทย-GCC ต่อไปได้ในอนาคต ซึ่งซาอุดีอาระเบียตอบรับที่จะช่วยสนับสนุนและผลักดัน ซึ่งถือเป็นก้าวแรกที่เป็นรูปธรรม
เรื่องที่สอง ตนเสนอให้จัดทำ JTC (Joint Trade Committee) หรือคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทยกับซาอุดีอาระเบีย ซึ่งท่านรัฐมนตรีตอบรับข้อเสนอของตน และทั้งตนและท่านได้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศและหน่วยงานของซาอุดีอาระเบียเริ่มเจรจาได้ในทันที เพื่อทำบันทึกข้อตกลงร่วมกันหรือ MOC (Memorandum of Cooperation) โดยเร็วที่สุด เพื่อจะจัดตั้ง JTC ต่อไปให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้
เรื่องที่สาม ทั้งไทยและซาอุดีอาระเบียจะให้การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดตั้งสภาธุรกิจไทย-ซาอุดีอาระเบีย จะเป็นการจัดตั้งสภาในรูปแบบที่มีองค์กรเอกชนของทั้ง 2 ประเทศมาร่วมกันในการทำงานในภาคเอกชนต่อไป โดยลงนาม MOU จัดตั้งในวันนี้
เรื่องที่สี่ เรื่อง Saudi Vision 2030 ตนได้แจ้งให้รัฐมนตรีพาณิชย์ซาอุดีอาระเบียรับทราบว่าประเทศไทยพร้อมให้การสนับสนุนทั้งในด้านการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะในเรื่องของการก่อสร้างทั้งในรูปการให้บริการการก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น โดยเฉพาะทางด้านอาหาร
เรื่องที่ห้า รัฐมนตรีพาณิชย์ซาอุดีอาระเบียตอบรับคำขอของตน ที่ขอความกรุณาให้ องค์การอาหารและยาซาอุดีอาระเบีย (SFDA) หรือ อย. ของซาอุดีอาระเบีย เร่งส่งเจ้าหน้าที่ตรวจโรงงานผลิตไก่ในประเทศไทย เพื่อให้การรับรองส่งออกไปยังซาอุดีอาระเบียได้ ซึ่งรับรองแล้ว 11 โรงงาน ยังมีอีกอย่างน้อย 28 โรงงานที่มีศักยภาพส่งออกไก่มาซาอุดีอาระเบียได้ ซึ่งท่านได้ตอบรับและสั่งการให้ SFDA หรือ อย. ของซาอุ เร่งประสานงานดำเนินการต่อไปโดยเร็ว
เรื่องที่หก ภาคเอกชนยังติดขัดปัญหาในการเดินทางมาทำการค้าและการลงทุนในซาอุดีอาระเบีย เรื่องการขอวีซ่าซึ่งปัจจุบันนี้การขอวีซ่าจำเป็นที่จะต้องได้รับหนังสือเชิญจากบริษัทคู่ค้าของซาอุดีอาระเบีย ทางการซาอุดีอาระเบีย จึงจะพิจารณาวีซ่าให้ แต่หลังจากที่ตนเจรจากับท่าน ท่านได้สั่งการทันทีให้เร่งแก้ปัญหานี้โดยเร็ว เมื่อเสร็จแล้วต่อไปนี้นักธุรกิจไทยที่จะเดินทางมาทำการค้าการลงทุนที่ซาอุดีอาระเบียใช้แค่หนังสือรับรองจากสภาภาคเอกชนของไทยเท่านั้น จะทำให้การขอวีซ่าของภาคเอกชนที่เดินทางมาที่นี่สะดวกขึ้นต่อไปในอนาคต
“ทั้งหมดนี้เป็นผลสำเร็จที่เป็นรูปธรรม และจะเกิดผลดีในเรื่องการค้าการส่งออกการลงทุน ระหว่างไทยกับซาอุดีอาระเบียต่อไป ซึ่งจะเป็นความสำเร็จอย่างยิ่งยวด” จุรินทร์กล่าว
ขณะที่ก่อนการแถลงในวันนี้ จุรินทร์ได้มอบใบประกาศนียบัตรให้กับ HTA (Honorary Trade Advisor to the Ministry of Commerce) ดร.ยูเซฟ อับดุลลาห์ อัลฮูมูดี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้เห็นชอบการแต่งตั้งที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ด้านการค้าระหว่างประเทศ (HTAS) เพื่อเป็นตัวแทนดูแลและปกป้องผลประโยชน์ทางการค้าของประเทศไทย สนับสนุนและประสานงานการจัดกิจกรรมทางการค้าของไทยทั้งใน และต่างประเทศ ช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการดำเนินงานร่วมกันกับ สคต. (สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ) ตลอดจนให้คำปรึกษาและแนะนำลู่ทาง โอกาสทางการค้าการลงทุนของไทย และข้อมูลเชิงลึกที่จะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินภารกิจของกระทรวงพาณิชย์ โดยมีกำหนดวาระดำรงตำแหน่งครั้งละ 2 ปี