อีก 2 วันตลาดการซื้อขายนักเตะก็จะปิดตัวลงแล้ว หนึ่งในทีมที่ถูกจับตามองมากที่สุดว่าจะมีความเคลื่อนไหวในช่วงโค้งสุดท้ายหรือไม่คือลิเวอร์พูล ซึ่งประสบปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บมากมายจนทำให้เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ได้ไม่ค่อยดีนัก
ชื่อของกองกลางจำนวนมากตั้งแต่ ยูริ ติเลอม็องส์, แฟรงกี เดอ ยอง, คอนราด ไลเมอร์ มาจนถึงเมื่อคืนนี้กับ ดักลาส คอสตา ถูกเชื่อมโยงกับลิเวอร์พูล เรียกได้ว่าปั่นข่าวกันสนุกสนาน ท่ามกลางความตื่นตัว (และตื่นกลัว) ของแฟนบอลเดอะค็อปที่อยากให้ทีมซื้อนักเตะใหม่เข้ามา หลังทีมขาดกองกลางทั้ง อเล็กซ์ ออกซ์เลด-เชมเบอร์ลิน, เคอร์ติส โจนส์ (ล่าสุดเพิ่งหาย), ติอาโก อัลกันตารา และ นาบี เกอิตา
“เราต้องการกองกลางจำนวนมาก” เวอร์จีล ฟาน ไดจ์ค ปราการหลังเสาหลักของทีมกล่าวเมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้ แม้ว่าลิเวอร์พูลจะเพิ่งถล่มบอร์นมัธชนิดแทบจะฆาตกรรมกลางสนามด้วยสกอร์ถึง 9-0 โดยที่ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ และ ฟาบิโอ คาร์วัลโญ สองดาวรุ่งอนาคตไกลต่างก็ทำประตูแรกได้ด้วยกันทั้งสองคนในเกมดังกล่าว
โดยกองหลังชาวดัตช์ยืนยันว่า ต่อให้มีการเสริมทัพเข้ามาก็จะไม่กระทบต่อพัฒนาการของสองดาวรุ่งที่ต้องการโอกาสในการลงสนาม เนื่องจากลิเวอร์พูลมีโปรแกรมที่ต้องลงแข่งขันจำนวนมาก แม้ว่าอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำได้เหมือนฤดูกาลที่แล้วที่ลุ้นกันถึงสุดทางทั้ง 4 ถ้วย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
แต่แน่นอนว่าในเรื่องนี้คนที่จะส่งเสียงดังและชัดเจนที่สุดคือ เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีมชาวเยอรมัน ซึ่งจำเป็นต้องตอบคำถามเหล่านี้ในการแถลงข่าวก่อนเกมพรีเมียร์ลีก ที่จะพบกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในคืนนี้ที่แอนฟิลด์
คล็อปป์ – ซึ่งดูมีสีหน้าที่เคร่งเครียดค่อนข้างชัดเจน – ตอบอะไรกับนักข่าวบ้าง? และในถ้อยคำนั้นมีความหมายอะไรที่ซ่อนอยู่ที่กุนซือชาวเยอรมันไม่ได้พูดอีกไหม?
คล็อปป์กับการสนับสนุนของ FSG
“สิ่งที่ผมไม่ชอบก็คือถ้าผมบอกว่าผมไม่แน่ใจ พวกคุณก็จะเอาไปเล่นใหญ่อีก มันเป็นแบบนี้เสมอ”
นี่คือคำตอบต่อคำถามว่าเขาได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จาก FSG เจ้าของสโมสรหรือไม่ ซึ่งสิ่งที่น่าสนใจก็คือการที่คล็อปป์บอกว่า “ผมไม่แน่ใจ” ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่าเขาไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการจากเจ้าของสโมสรเสมอไป
ในแง่นี้ก็จะตรงกับสิ่งที่คล็อปป์บอกต่อมาว่า “ถามว่ามันง่ายเสมอไหม? ก็ไม่” ซึ่งก็คือบางครั้งก็ไม่ได้รับการตอบสนองทั้งหมด ก่อนที่จะมีการตัดบทในเรื่องนี้ว่า
“เรามีการพูดคุยกันเรื่องนี้ผ่านที่สาธารณะ? ก็ไม่ แล้วทำไมเราจะต้องมาเริ่มพูดกันตรงนี้ด้วย”
คล็อปป์กับอำนาจในมือ
“ผมขอพูดแบบนี้ดีกว่า ตั้งแต่ไหนแต่ไรผมพร้อมที่จะเสี่ยงเพิ่มอีกนิดเสมอ แต่ผมไม่ใช่คนตัดสินใจในเรื่องนี้”
คำพูดต่อมาของคล็อปป์สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้อยู่
การบอกว่า ‘พร้อมจะเสี่ยง’ นั้นหมายความว่าหากเขาเลือกได้ การจะเสี่ยงด้วยการลงทุนซื้อผู้เล่นเข้ามาโดยที่ยังไม่รู้ว่าผลตอบแทนจะเป็นอย่างไรนั้น เป็นเรื่องที่เขายอมรับและยินดีที่จะทำ
แต่ในประโยคต่อมาคือจุดฟูลสต๊อปของเรื่อง “ผมไม่ใช่คนตัดสินใจในเรื่องนี้” ซึ่งตรงนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะตามโครงสร้างของลิเวอร์พูลแล้ว คนที่มีอำนาจตัดสินใจคือผู้อำนวยการสโมสร ซึ่งปัจจุบันคือคนใหม่อย่าง จูเลียน วอร์ด ที่จะต้องทำเรื่องนำเสนอ ไมค์ กอร์ดอน ประธานกลุ่ม FSG ในการตัดสินใจว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อผู้เล่นคนไหนเข้ามา
เรื่องนี้คล็อปป์ทำมาเกือบ 7 ปี ไม่ใช่ปัญหาอะไร เหมือนที่เขาพูดต่อว่า “มันไม่เป็นไร ผมเป็นแบบนี้ คือจะพยายามทุกอย่างจนกว่าจะมีคนบอกว่าเราทำไม่ได้ และผมก็จะไม่คิดกลับไปอีกแม้แต่วินาทีเดียว”
คล็อปป์ยังพยายามในการหากองกลางใหม่
ย้อนกลับไปในประโยคด้านบน การบอกว่า “พยายามทุกอย่างจนกว่าจะมีคนบอกว่าเราทำไม่ได้” นั้นหมายความว่าในเวลานี้ คล็อปป์และทีมงานทุกคนพยายามที่จะหานักเตะเข้ามาเสริมทีมอยู่
โดยเมื่อถูกยิงคำถามตรงๆ ว่าตกลงยังมองหากองกลางใหม่ก่อนตลาดจะปิดในวันพฤหัสบดีไหม? คำตอบของผู้จัดการทีมที่ปกติเป็นคนร่าเริงแจ่มใสแต่ในช่วงนี้ดูเครียดคือ “Ish” ก่อนจะยอมรับว่า “ใช่”
เพียงแต่เขาพยายามบอกเป็นนัยถึงความยากลำบากว่า “แต่ยิ่งใกล้ช่วงนาทีสุดท้ายมากเท่าไร ความเป็นไปได้ก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้น มันก็เป็นแบบนี้”
สิ่งที่เขาพยายามสื่อสารกับแฟนๆ คือ “ผมจะบอกอะไรได้? เอาเป็นว่าเรายังไม่ได้ออกจากตลาดแล้วกัน”
นักเตะคนไหนที่คล็อปป์ต้องการ?
ก่อนหน้านี้และตลอดมา คล็อปป์จะบอกว่าเขาจะซื้อเฉพาะนักเตะที่ ‘ใช่’ เท่านั้น
แล้วในตอนนี้นักเตะคนไหนที่ใช่สำหรับเขาและลิเวอร์พูล? ในเรื่องนี้เขาบอกว่า “ผมพูดชื่อไม่ได้หรอก ต่อให้ผมอยากจะบอกก็เถอะ แต่เอาจริงผมก็ไม่บอกอยู่ดี”
คล็อปป์ยังยอมรับว่าก่อนหน้านี้ลิเวอร์พูลเคยพยายามติดตาม “นักเตะคนหนึ่งที่เลือกไปทีมอื่น” ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าคือ โอเรเลียง ชูอาเมนี กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสที่เลือกย้ายไปเรอัล มาดริด แทน
“มันยากจริงๆ แน่นอนว่ามันมีนักเตะบางคนในตลาดที่น่าจะเป็นคนที่ใช่ แต่พวกเขาก็มีประเด็นแตกต่างกัน เช่น สัญญาบ้าง สโมสรไม่อยากขายบ้าง อะไรพวกนี้ และเราก็ไปบีบบังคับใครไม่ได้”
แล้วลิเวอร์พูลจะได้กองกลางใหม่ไหม?
เรื่องนี้คล็อปป์บอกว่า “เราต้องรอดูกัน มันยังพอมีเวลา”
แต่สิ่งสำคัญกว่าก็คือการที่เขายืนยันว่า ไม่ว่าจะได้นักเตะใหม่เข้ามาหรือไม่ มันจะไม่ใช่สาระสำคัญ เพราะสิ่งสำคัญกว่าคือการที่ทุกคนจะกลับมาสนใจกับทีมที่มี ขุมกำลังที่มี ไม่ว่าจะเป็นนักเตะหรือแฟนๆ เองก็ตาม
“เมื่อมันจบลง ไม่ว่าเราจะได้ใครมาหรือไม่ ผมหวังว่าเราจะหยุดคิดถึงเรื่องนี้ในช่วงเวลานี้ เราจะได้สนใจกับทีมที่เรามี เตรียมพร้อมที่จะเผชิญกับทุกปัญหาที่เราจะต้องเจอในฤดูกาลนี้ไปด้วยกัน
“คำว่าไปด้วยกันของผมหมายถึงแม้แต่แฟนบอลที่แอ็กทีฟอย่างมากบนโซเชียลมีเดียด้วย ถ้ามันจบเราก็จะได้พอในเรื่องนี้ เรามีทีมที่ดี เราแค่มีปัญหาตัวผู้เล่นบาดเจ็บ และนักเตะเหล่านั้นก็จะกลับมา”
คล็อปป์ย้ำว่าลิเวอร์พูลไม่ใช่สโมสรที่จะใช้เงินแก้ปัญหาอย่างเดียวเหมือนทีมอื่น และที่ผ่านมาก็พิสูจน์ให้เห็นมาโดยตลอดว่าทีมสามารถทำได้ดี ประสบความสำเร็จได้
“ถ้าใครจะคาดหวังให้เราทำเหมือนสโมสรอื่นๆ เขาทำกัน มันเป็นไปไม่ได้ มันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและมันจะไม่เกิดขึ้นในอนาคต สโมสรแห่งนี้มาถึงจุดนี้ได้ด้วยแนวทางที่เรารับมือกับสถานการณ์ต่างๆ
“จริงอยู่ที่การหานักเตะที่ใช่เข้ามาเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าเราทำไม่ได้ มันก็คือทำไม่ได้”
นี่คือสิ่งที่คล็อปป์พยายามสื่อสารกับทุกคนให้เข้าใจ และอาจหมายถึงเดอะค็อปต้องเตรียมทำใจ หากไม่มีกองกลางหน้าใหม่คนไหนที่จะย้ายมาช่วงก่อนตลาดการซื้อขายจะปิดตัวลงในวันพรุ่งนี้
อ้างอิง: