“พวกเขาไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย แค่ออกไปบนถนน พูดถึงการตายเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศ”
Judas and the Black Messiah นับเป็นภาพยนตร์น้ำดีอีกหนึ่งเรื่องที่ถูกยกให้เป็นตัวเต็งบนเวทีประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 93 โดยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลถึง 5 สาขา ได้แก่ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม (แดเนียล คาลูยา และลาคีธ สแตนฟิลด์), เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม, ถ่ายภาพยอดเยี่ยม และรางวัลใหญ่ของงานอย่าง ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม โดยคอภาพยนตร์สายรางวัลจะได้รับชมพร้อมกันในวันที่ 22 เมษายนนี้ในโรงภาพยนตร์
ภาพยนตร์นำเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงของ วิลเลียม โอนีล (ลาคีธ สแตนฟิลด์) ชายหนุ่มผิวสีที่ยอมร่วมมือกับผู้อำนวยการหน่วย FBI เจ.เอ็ดการ์ ฮูเวอร์ (มาร์ติน ชีน) ในการสวมรอยเข้าไปเป็นหนึ่งในสมาชิก Black Panther Party (BPP) องค์กรที่คอยขับเคลื่อนสิทธิและเสรีภาพของคนผิวสีในอเมริกา ซึ่งมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 1966-1982 เพื่อจับตาดู เฟรด แฮมป์ตัน (แดเนียล คาลูยา) ประธานองค์กร Black Panther Party ประจำรัฐอิลลินอยส์ และร่วมวางแผนลอบสังหารเฟรดที่เกิดขึ้นในวันที่ 4 ธันวาคม 1969 ซึ่ง ณ เวลานั้นเฟรดมีอายุเพียง 21 ปีเท่านั้น
แม้ว่า Judas and the Black Messiah จะเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของ ชากา คิง แต่ภาพยนตร์ก็ได้ ไรอัน คูกเลอร์ ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์ฝีมือเยี่ยมผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Black Panther (2018) มารับหน้าที่โปรดิวเซอร์ร่วมกับ ชาร์ลส ดี. คิง จากภาพยนตร์ Fences (2016)
ที่สำคัญภาพยยนตร์เต็มไปด้วยนักแสดงคุณภาพ ทั้ง แดเนียล คาลูยา จาก Get Out (2017) ซึ่งเขาเคยร่วมงานกับไรอัน คูกเลอร์มาแล้วใน Black Panther (2018) และ ลาคีธ สแตนฟีลด์ จาก Knives Out (2019) แถมตอนนี้ทั้งคู่ก็ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมไปเรียบร้อยแล้ว
Judas and the Black Messiah มีกำหนดเข้าฉายอย่างเป็นทางการวันที่ 22 เมษายน ในโรงภาพยนตร์ ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเลขของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กลับมาระบาดอีกครั้งจะค่อยๆ ดีขึ้นในเร็ววัน เพื่อให้ภาพยนตร์น้ำดีเรื่องนี้ไม่ถูกเลื่อนกำหนดการฉายออกไป
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: